ศาลฎีกาแก้โทษคุก2ปี1ด.หมูแฮมขับรถชนคนตาย

ศาลฎีกาแก้โทษคุก2ปี1ด.หมูแฮมขับรถชนคนตาย

ศาลฎีกาแก้โทษคุก2ปี1ด.หมูแฮมขับรถชนคนตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลฎีกา พิพากษาแก้โทษให้จำคุก 2 ปี 1 เดือน 'หมูแฮม' ขับรถชนคนตายบนทางเท้าย่านสุขุมวิท ปี2550 โดยไม่รอลงอาญา ส่งตัวเข้าเรือนจำ

ศาลจังหวัดพระโขนง นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่อัยการฝ่ายคดีศาลจังหวัดพระโขนง นายมาโนจน์ หรือ ธนชรพล โตจวง นางสาวสังวาล สีหะวงษ์ นางสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ์ และ นางทองดำ หลวงแสง ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม บุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ กับ นางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย กรณีเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2550 จำเลยใช้ก้อนหินทุบใบหน้า นายสถาพร อรุณศิริ พนักงานขับรถโดยสารปรับอากาศ สาย 513 และขับรถเบนซ์ ทะเบียน ศศ 6699 กรุงเทพฯ พุ่งชนผู้โดยสารที่ยืนบนทางเท้า และ นางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก.เสียชีวิต หลังเกิดเหตุรถเมล์ขับปาดหน้ารถของ นายกัณฑ์พิทักษ์ให้หยุดบริเวณหน้าป้อมตำรวจจราจรที่ปากซอยสุขุมวิท 26

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2552 ว่า พิพากษาลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจำคุก 1 เดือน และริบรถยนต์ของกลาง และให้ชำระค่าเสียหายแก่ นางสมจิตร แกล้วกล้า กระเป๋ารถเมล์ ผู้เสียหายที่ 7 จำนวน 1 แสนบาท นางสาวสังวาล โจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 8 แสนบาท นางสาวสุชีรา โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 79,412 บาท และนางทองดำ หลวงแสง โจทก์ร่วมที่ 4 มารดาของนางสายชล หลวงแสง ผู้เสียชีวิต จำนวน 2,158,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันทำละเมิด วันที่ 4 กรกฎาคม 2550 จนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนผู้เสียหายอื่นรวม 7 ราย จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นเป็นที่พอใจแล้ว

ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 ประกอบมาตรา 65 วรรค 2 เห็นควรให้จำคุกจำเลย 3 ปี และเมื่อจำเลยได้บรรเทาผลร้าย โดยชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่ง และคดีอาญากับจำเลยต่อไป จึงเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อรวมโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น อีก 1 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลย รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี

ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า จากผลการตรวจของแพทย์พบว่าจำเลยมีจิตบกพร่อง แต่สามารถรู้จักผิดชอบถึงการกระทำของตน ที่ศาลอุทธรธณ์พิพากษาจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นขณะมีจิตบกพร่อง 2 ปี 1 เดือน โดยรอลงอาญา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่โทษที่ให้รอลงอาญานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะจากประวัติการรักษา แม้จำเลยมีอาการทางจิตแต่ห่างหายจากการพบแพทย์และขาดยา ศาลฎีกาพิเคราะห์จากสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นพบมีประวัติการเสพยาเสพติดหลายชนิดตั้งแต่อายุ 17-18 ปี และก่อนเกิดเหตุมีการเสพยา เคยขับรถเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งแพทย์ระบุว่าจำเลยป่วยเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน และบิดายังให้ขับรถ พฤติการณ์ถือว่าร้ายแรง ที่โจทก์และโจทก์ร่วมที่ 3 ฎีกาฟังขึ้นบางส่วน ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้จำคุก 2 ปี 1 เดือน ฐานฆ่าและทำร้ายร่างกายผู้อื่น และยกเลิกการคุมประพฤติ โดยไม่รอลงอาญา

ขณะที่ นางสาวสุชีรา อินทร์สุวรรณ บุตรสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ต่อสู้เพื่อแม่ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ที่ได้ต่อสู้คดีมายาวนานเกือบ 8 ปี







แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook