สมยศยันบึ้มโยงปมส่งอุยกูร์ให้จักรทิพย์ดูมาเลย์จับ3สงสัย

ผบ.ตร. ยัน บึ้มราชประสงค์ โยงไทยส่งอุยกูร์ไปจีน มอบหมาย 'จักรทิพย์' บินมาเลย์ หลังจับ 3 ต้องสงสัย พร้อมระบุ ไม่ยัน ชายเสื้อเหลืองหนีไปปากีสถาน ขณะที่ คสช. บอก ขัง 2 ผู้ต้องหาบึ้ม มทบ.11 คดีมั่นคง
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า วันนี้ ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล/ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล/ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ พร้อมคณะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย วันนี้ เพื่อประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการมาเลเซีย หลังสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 3 ราย แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในไทย แต่เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และเพื่อเป็นประโยชน์กับแนวทางการสอบสวนจึงให้ไปพูดคุย และหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อได้บ้าง โดยยังไม่ใช่การไปสอบปากคำ หรือขอรับตัวมาไทย เพราะจะทำอะไรโดยพลการไม่ได้ พร้อมยืนยันว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย และมาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นการส่วนตัวมาอย่างยาวนาน ก็จะใช้ความสัมพันธ์ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์
สำหรับกรณีของ นายอาบูดูซาตาร์ หรือ อิซาน ผู้ต้องหาตามหมายจับรายล่าสุด แม้ทางการตุรกี จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้เดินทางไปตุรกี แต่พนักงานสอบสวน ก็ต้องดำเนินการสืบสวนติดตามต่อไป เพราะได้รับข้อมูลการเดินทางจากสถานทูตบังกลาเทศ ส่วนจะไปจริงหรือไม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบ พร้อมระบุ เชื่อว่าการเดินทางไปที่เมืองอิสตันบูล ของประเทศตุรกี นั้นเพราะ นายอิซานมีเครือข่ายอยู่ที่ตุรกี เป็นขบวนการลักลอบนำคนเข้าออกประเทศเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ อีกทั้ง เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าเชื่อมโยงกับเหตุการบุกทำลายสถานทูตไทยในตุรกี และการที่ไทยส่งชาวอุยกูร์ จำนวน 109 คน ไปจีน ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำให้ธุริจของขบวนการนี้พัง จึงต้องการแก้แค้น
พล.ต.อ.สมยศ ยังเปิดเผยกรณีมีรายงานข่าวระบุว่า ชายเสื้อเหลืองผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดราชประสงค์ หลบหนีไปประเทศปากีสถานว่า ทราบจากข่าวเท่านั้น และไม่ยืนยันข่าวนี้ จนกว่าจะมีความชัดเจน แต่ประเทศ
ปากีสถาน ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาในคดีระเบิดทั้งสองจุดในไทย
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวด้วยว่า ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การกรณี นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม คาราดัก ที่ออกมาปฏิเสธว่า นายอาเดม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด และเดินทางเข้ามาในไทยวันที่ 21 สิงหาคม หลังเกิดเหตุระเบิดหลายวัน ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็ตาม โดยยังมั่นใจพยานหลักฐานว่าสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ ไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับแน่นอน ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนได้เชิญพยานซึ่งเป็นหญิงวัย 40 ปี ไปสอบ หลังตรวจค้นห้องพักย่านหอการค้า โดยพยานได้ให้การเป็นประโยชน์ว่า เป็นคนเรียกรถแท็กซี่ ให้ชายเสื้อฟ้า มือวางระเบิดท่าเรือสาทร
หลบหนีนั้น ก็ไม่ปักใจเชื่อเช่นกัน โดยจะต้องมีพยานหลักฐานนำมาประกอบกัน
คสช.บอกขัง2ผตห.บึ้มมทบ.11คดีมั่นคง
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวศูนย์ติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสารทร ว่า การดำเนินการสืบสวนสอบสวน มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกล่าวถึงการย้ายผู้ต้องหา 2 คน นายไมไรลี ยูซุฟู และ นายอาเดม คาราดัก จากเรือนจำทั่วไปมีนบุรี ไปยังเรือนจำพิเศษ มณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อความสะดวก เนื่องจากเรือนจำทั่วไป มีผู้ต้องหาจำนวนมาก ไม่สะดวกในการเบิกตัวสอบสวน รวมถึงผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีความผิดในคดีความมั่นคงจึงจำเป็นต้องมีการดูแลเข้มงวดเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ จะมีการชี้แจงความคืบหน้า ในการติดตามคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
จักรทิพย์หลบสื่อบินด่วนมาเลย์ดู3ต้องสงสัย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดซักถามคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ พยายามหลบสื่อมวลชนและไม่ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อติดตามกรณีทางการมาเลเซีย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และชาวปากีสถาน 1 คน ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า จะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน นี้ ทั้งนี้ ในการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ โดยนัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 15.00 น.
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีความสนิทสนมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เนื่องจากเคยประสานงานและทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศ ตั้งแต่สมัยอดีตผู้บังคับบัญชา ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีมีรายงานว่า คณะทำงานชุดนี้จะเดินทางไปด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 417 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 16.40 น. โดยมีปลายทางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ::::
ประวุฒิไม่ชัดผู้ต้องสงสัยที่มาเลย์จับโยงบึ้ม-ล่าอิซานตุรกี
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=645900