ผบช.น.ถกคดีระเบิดจ่อแจ้งข้อหาแก๊งบึ้มเพิ่มอีก

ผบช.น.ถกคดีระเบิดจ่อแจ้งข้อหาแก๊งบึ้มเพิ่มอีก

ผบช.น.ถกคดีระเบิดจ่อแจ้งข้อหาแก๊งบึ้มเพิ่มอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พลตำรวจโท ศรีวราห์ ประชุมคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์ เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกลุ่มผู้ต้องหาอีก รอสอบ 3 สาว อีกครั้ง การไล่ล่าตามตัวอิซาน ผู้ต้องหารายที่ 12 ยังอยู่ในประเทศแถบเอเชีย เฝ้าระวังวันชาติจีน 1 ต.ค.นี้

พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานประชุมคณะทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดยวาระการประชุมในวันนี้ จะมีการพิจารณาในหลายประเด็น โดยหนึ่งในนั้น คือ การพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหา รวมถึงประเด็นพิจารณาข้อหาการก่อการร้ายพร้อมยอมรับว่า ขณะนี้การพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาทั้งหมด ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่เข้าข้อกฎหมาย เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ เช่น ของกลางที่พบเข้าข่ายเป็นยุทธภัณฑ์หรือไม่ การตีความในแง่กฎหมาย เช่นว่าเป็นความผิดในกฎหมายใด รวมถึงเรื่องปลีกย่อยในทางเทคนิคว่า สามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในแต่ละประเด็น แต่ยืนยันว่า หากเข้าองค์ประกอบครบก็จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด

เรื่องการควบคุมตัวหญิงสาว 3 คน จากการเข้าตรวจค้นในอพาร์ทเมนท์ ย่านดินแดง เมื่อวานนี้ ทางตำรวจยังไม่มีความจำเป็นต้องส่งพนักงานสอบสวนเข้าไปร่วมสอบปากคำ และต้องรอหลังฝ่ายความมั่นคงดำเนินการสอบถ้อยคำเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้เวลา 1 - 2 วัน ก่อนจะส่งเรื่องให้ตำรวจพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้จึงยังตอบไม่ได้ว่าต้องแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่


ผบช.น.เผยไล่ล่าอิซานคาดยังอยู่ในประเทศเอเซีย

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัว นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรือ อิซาน ผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 12 คดีพัวพันระเบิดที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า มีข้อมูลว่านายอิซาน ยังอยู่ในประเทศทางแถบเอเซีย แต่ไม่ยืนยันว่าจะเดินทางต่อไปที่ใดอีกหรือไม่ ส่วนการย้าย นายอาเดม คาราดัก และ นายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาในคดีนี้ จากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ไปควบคุมตัวที่เรือนจำชั่วคราวในมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ มทบ.11 เป็นคนละส่วนกับที่พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลดำเนินการ แต่หากว่าคณะพนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องไปสอบปากคำเพิ่มก็จะต้องดำเนินการไปตามระเบียบ

ส่วนกรณีวันชาติจีน 1 ตุลาคมนี้ ยอมรับว่าได้รับการประสานจากทางสถานทูตจีนให้ช่วยดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตั้งแต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมาโดยตลอดยังไม่มีคำสั่งเพิ่มเติมเป็นพิเศษ จากนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และไม่ทราบถึงเหตุผลที่ต้องมีการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว เพราะเป็นเพียงฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook