คุม2ผตห.บึ้มขังมทบ.11-อาเดมรับเข้าปท.ผิดกม.

คุม2ผตห.บึ้มขังมทบ.11-อาเดมรับเข้าปท.ผิดกม.

คุม2ผตห.บึ้มขังมทบ.11-อาเดมรับเข้าปท.ผิดกม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทหารคุม 2 ผตห. บึ้ม ออกจากแดนคุมขัง 6 เรือนจำพิเศษมีนบุรี ไปเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 แล้ว ขณะที่ 'อาเดม' ยอมรับเข้าประเทศไทยผิดกฎหมาย

ทหารชุดปฏิบัติการ จากกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11  (มทบ.11) นำขบวนรถคุ้มกันตัว นายอาเดม คาราดัก  หรือ บินลาเติร์ก มูฮัมหมัด และ นายเมียไรลี ยูซุฟู  2 ผู้ต้องหา ที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิด บริเวณสี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ออกจากแดนคุมขัง 6 อาคาร 2 เรือนจำพิเศษมีนบุรี เพื่อไปควบคุมตัวไว้เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11

โดยระหว่างปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ ได้นำรถควบคุมผู้ต้องขังจำนวนสองคันเข้าไปรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ภายในเรือนจำ  ก่อนเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ต่อสื่อมวลชน

ด้าน นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม ระบุว่า นายอาเดม ยอมรับว่าตัวเองเป็นชาวตุรกี ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ผ่านทางประเทศเวียดนาม และลาว ก่อนจะถึงประเทศไทย ในวันที่ 21 สิงหาคม 2558  โดยมีชายชื่อ อับดุลเลาะ อับดุลลามาน นายหน้าค้าแรงงาน เป็นผู้พา นายอาเดม เข้ามาพักอาศัยที่ พูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ย่านหนองจอก รวมทั้ง จัดหาอาหารไว้ให้ และสั่งไม่ไห้ออกจากห้องโดยเด็ดขาด จนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม  2558

ทั้งนี้ นายอาเดม ปฏิเสธว่า ไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับส่วนประกอบวัตถุระเบิด และของกลางที่เจ้าหน้าที่ค้นพบในอาคารพูลอนันต์อพาร์ทเมนท์ ส่วนที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของตัวเองนั้น อาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด

อย่างไรก็ตาม สำหรับขบวนการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของ นายอาเดม นั้น ได้เตรียมเงินเป็นค่าใช้จ่าย จำนวน 4,000 ดอลลาร์ แบ่งเป็นค่าพาสปอร์ตปลอมที่ทำในประเทศเวียดนาม 1,200 ดอลลาร์ ค่าผ่านเข้าออกประเทศลาวและไทย ครั้งละ 600 ดอลลาร์ โดยเป้าหมายเพื่อเข้าไปทำงานเป็นคนขับรถในประเทศมาเลเซีย


ผบช.น.ถกคดีระเบิดจ่อแจ้งข้อหาแก๊งบึ้มเพิ่มอีก

พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานประชุมคณะทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดยวาระการประชุมในวันนี้ จะมีการพิจารณาในหลายประเด็น โดยหนึ่งในนั้น คือ การพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหา รวมถึงประเด็นพิจารณาข้อหาการก่อการร้ายพร้อมยอมรับว่า ขณะนี้การพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับผู้ต้องหาทั้งหมด ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังไม่เข้าข้อกฎหมาย เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ เช่น ของกลางที่พบเข้าข่ายเป็นยุทธภัณฑ์หรือไม่ การตีความในแง่กฎหมาย เช่นว่าเป็นความผิดในกฎหมายใด รวมถึงเรื่องปลีกย่อยในทางเทคนิคว่า สามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งทางตำรวจยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในแต่ละประเด็น แต่ยืนยันว่า หากเข้าองค์ประกอบครบก็จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด

เรื่องการควบคุมตัวหญิงสาว 3 คน จากการเข้าตรวจค้นในอพาร์ทเมนท์ ย่านดินแดง เมื่อวานนี้ ทางตำรวจยังไม่มีความจำเป็นต้องส่งพนักงานสอบสวนเข้าไปร่วมสอบปากคำ และต้องรอหลังฝ่ายความมั่นคงดำเนินการสอบถ้อยคำเสร็จสิ้น คาดว่าจะใช้เวลา 1 - 2 วัน ก่อนจะส่งเรื่องให้ตำรวจพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ขณะนี้จึงยังตอบไม่ได้ว่าต้องแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่


ผบช.น.เผยไล่ล่าอิซานคาดยังอยู่ในประเทศเอเซีย

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัว นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรือ อิซาน ผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 12 คดีพัวพันระเบิดที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า มีข้อมูลว่านายอิซาน ยังอยู่ในประเทศทางแถบเอเซีย แต่ไม่ยืนยันว่าจะเดินทางต่อไปที่ใดอีกหรือไม่ ส่วนการย้าย นายอาเดม คาราดัก และ นายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาในคดีนี้ จากเรือนจำพิเศษมีนบุรี ไปควบคุมตัวที่เรือนจำชั่วคราวในมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ มทบ.11 เป็นคนละส่วนกับที่พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลดำเนินการ แต่หากว่าคณะพนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องไปสอบปากคำเพิ่มก็จะต้องดำเนินการไปตามระเบียบ

ส่วนกรณีวันชาติจีน 1 ตุลาคมนี้ ยอมรับว่าได้รับการประสานจากทางสถานทูตจีนให้ช่วยดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตั้งแต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมาโดยตลอดยังไม่มีคำสั่งเพิ่มเติมเป็นพิเศษ จากนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และไม่ทราบถึงเหตุผลที่ต้องมีการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว เพราะเป็นเพียงฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook