สธ.เผยสถิติฆ่าตัวตายในไทยลดลงชายมากกว่าหญิง

สธ.เผยสถิติฆ่าตัวตายในไทยลดลงชายมากกว่าหญิง

สธ.เผยสถิติฆ่าตัวตายในไทยลดลงชายมากกว่าหญิง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระทรวงสาธารณสุขเผย สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทย มีอัตราส่วนลดลงต่อเนื่อง เฉลี่ย 1 คนในทุก 2 ชม. ผู้ชายมากกว่า

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวมาตรการเชิงรุก ป้องกันการฆ่าตัวตายในโลกยุคดิจิทัล ว่า วันที่ 10 กันยายนทุกปี องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ปีนี้กำหนดประเด็นว่า "ป้องกันการฆ่าตัวตาย ยื่นมือเพื่อช่วยชีวิต" การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลกร้อยละ 1.4 จำนวนกว่า 800,000 คนต่อปี หรือ 11.69 ต่อประชากรแสนคน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคนในปี พ.ศ.2563 โดยมีคนพยายามฆ่าตัวตายสูงกว่าคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ 20 เท่าตัว

สำหรับไทย มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดในปี พ.ศ. 2544 คิดเป็น 8.2 ต่อประชากรแสนคน และลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2557 เหลือ6.08 ต่อประชากรแสนคน แม้ว่าจะอยู่ในเป้าหมายที่กำหนด คือ ไม่เกิน 6.5 ต่อประชากรแสนคน แต่ยังมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จปีละกว่า 3,900 คน เฉลี่ย 1 คนในทุก 2 ชั่วโมง ผู้ชายฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้หญิง 3 เท่า และเป็นกลุ่มอายุ 35 - 39 ปีมากที่สุด ภาคเหนือมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าภาคอื่น อัตรา 10 ต่อประชากรแสนคน สูงสุดที่จังหวัดลำพูน 20 ต่อประชากรแสนคน แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ได้มอบให้กรมสุขภาพจิต เพิ่มการทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหา ระดมความร่วมมือทุกภาคส่วน เน้นหนัก 2 กลุ่มเสี่ยงหลัก คือ 1.กลุ่มที่มีภาวะซึมเศร้า ซึ่งมีความเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงที่สุด ได้แก่ ผู้ที่มีอาการซึมเศร้า ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหญิงตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด ผู้ติดสุรา ยาเสพติด รวมทั้งผู้ประสบภาวะวิกฤติหรือมีความสูญเสียที่รุนแรง ซึ่งมีผลช่วยลดการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย น้อยลงในอัตราเพียง 0.4 ต่อประชากรแสนคน หรือเพียง 2 คน 2. กลุ่มฆ่าตัวตายด้วยความหุนหันพลันแล่น พบว่ากลุ่มที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่ทำเพราะความหุนหัน และมีปัจจัยกระตุ้นจากดื่มสุรา ปัญหาครอบครัว


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook