TAXIพบตร.ยันรับมือบึ้มส่งหัวลำโพงสำเนียงไม่ใช่คนไทย

คนขับแท็กซี่ พบ ตร. เผย รับผู้ต้องสงสัยระเบิดจากย่านศาลาแดง ส่งที่หัวลำโพง ยัน สำเนียงการพูด ไม่ใช่คนไทย ด้าน รอง ผบ.ตร. ยังไม่ยืนยัน มือระเบิด ยังอยู่ในไทย เร่งวิเคราะห์คำให้การแท็กซี่ และ วิน จยย.
คนขับรถแท็กซี่ ที่รับส่งผู้ต้องสงสัยชายสวมเสื้อเหลือง ที่ก่อเหตุวางระเบิดแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ได้เข้าให้การในฐานะพยาน รวมทั้งนำรถแท็กซี่ที่ใช้ขับในวันดังกล่าว มาให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลในส่วนของคดี
โดยคนขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. วันเกิดเหตุ ได้รับชายผู้ต้องสงสัยรายนี้จากย่านศาลาแดง เพื่อไปส่งยังสถานีรถไฟหัวลำโพง บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งชายคนดังกล่าวได้พูดภาษาไทยในสำเนียงต่างชาติ ซึ่งพิจารณาแล้ว ไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน และในระหว่างการเดินทาง ชายคนดังกล่าวไม่ได้คุยโทรศัพท์แต่อย่างใด รวมทั้งไม่ได้สังเกตว่าชายคนดังกล่าวนำกระเป๋าเป้ติดตัวมาด้วยหรือไม่ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งมาทราบเรื่องเมื่อเช้าที่ผ่านมา หลังตำรวจได้ประสานมายังพี่สาวของตน เมื่อทราบเรื่องก็ได้เดินทางมาเข้าพบเจ้าหน้าที่ในทันที
รอง ผบ.ตร. ไม่ยืนยันมือบึ้มยังอยู่ในไทย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า การติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิด บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย รวมทั้ง เหตุระเบิดที่สาทรด้วย
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุดที่สามารถจับภาพคนร้ายและเส้นทางการหลบหนีอยู่ โดยได้ประสานไปยัง กทม. แล้ว และจากการสอบปากคำแท็กซี่ ที่อ้างว่าเป็นคันที่รับผู้ต้องสงสัยไปส่งนั้น มีประโยชน์กับสำนวนคดีพอสมควร บางส่วนยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากเกรงว่า ทำให้เสียรูปคดี ด้านความสอดคล้องของการให้ปากคำของจักรยานยนต์รับจ้าง และคนขับแท็กซี่นั้นอยู่ในขั้นตอนวิเคราะห์
ในส่วนของผู้ก่อเหตุที่สาทร ต้องพิสูจน์ทราบก่อนว่า ชายที่พบในภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นคนร้ายจริงหรือไหม แต่เบื้องต้นไม่พบใครที่มีพฤติกรรมพิรุธในลักษณะนั้น ชี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีระดับโลก ได้รับความสนใจจากประชาชน จึงต้องเพิ่มความรอบคอบในการสืบสวนสอบสวน ส่วนสาเหตุมีหลายสาเหตุ ยังไม่สามารถยืนยัน หรือตัดประเด็นใดทิ้ง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเครื่องมือที่ขอให้ต่างชาติสนับสนุนอาจมีบางส่วน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ก็มีฝีมือและมีความรู้ ความสามารถ ด้านเบาะแสของคนร้าย ก็มีประชาชนแจ้งเข้ามาบ้าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมทั้งยังไม่สามารถตอบได้ว่า คนร้ายยังอยู่ในประเทศหรือไหม ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปตามลำดับ