ประวิตรนำถกมั่นคง-ประยุทธ์ไม่สรุปใครบึ้มสั่งเข้มเพิ่ม

'พล.อ.ประวิตร' นำถกหน่วยงานด้านความมั่นคง เผย นายกฯ กำชับเยียวยาประชาชน นักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบเหตุระเบิดราชประสงค์ ขณะที่ 'ประยุทธ์' บอก ไม่สรุปใครบึ้ม ไม่อยากมุ่งปมการเมือง -สั่งเข้มเพิ่ม
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับในที่ประชุมว่า ให้ดูแลเรื่องเยียวยาประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อคืนนี้ จากนั้น พลเอกประวิตร ได้เดินทางไปเป็นประธานการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อติดตามสถาการณ์ ที่กองพันที่ 4 กรมทหารราบที่1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
ขณะที่ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐมนตรีที่ช่วยกันทำงาน และได้มีความห่วงใยความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปเยี่ยมประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้พลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการผลึกกำลังประชาชนเพื่อร่วมกันต่อสู้กับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง
ทั้งนี้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยของสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ สถานทูต และสถานที่ท่องเที่ยว
นายกไม่สรุปใครบึ้มไม่อยากมุ่งปมการเมือง-สั่งเข้มเพิ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ตนรู้สึกเสียใจกับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันจะหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว ส่วนชาวต่างชาติที่ได้รับผลกระทบได้สั่งการให้ทางสถานทูตติดตามดูแล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นยังไม่สรุปว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แต่ถือว่าเป็นคนเลว และยังไม่ตัดประเด็นทางการเมือง และเรื่องระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดแล้ว ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ทางการข่าวไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ มีเพียงในโซเชียลมีเดียเท่านั้น และเชื่อว่า ผู้นำหลายประเทศ เข้าใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดูแลปิดกั้นพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น และขอให้สื่อมวลชนรายงานเฉพาะข้อเท็จจริง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุด เพราะมุ่งหวังชีวิตผู้บริสุทธิ์ หวังทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ พร้อมขอร้องให้ประชาชนทุกคนเพิ่มความระมัดระวัง อย่าตื่นตระหนก ขณะเดียวกัน ได้สั่งปรับกำลังเพิ่มเติมในพื้นที่เสี่ยง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า การดำเนินการด้านความมั่นคงยังคงใช้มาตรา 44 เนื่องจาก คสช. ยังคงมีอำนาจเต็มที่จะดูแลความมั่นคงทุกอย่าง พร้อมดูแลประชาชนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และไม่ควรนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งเนื่องจาก สถานการณ์ขณะนี้วุ่นวายมากพอแล้ว
ผบ.ทบ.ยันCCTVพบสงสัยบึ้มราชประสงค์ไม่ตัดปมใดทิ้ง
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ กำลังเร่งมือในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งสามารถไล่เก็บภาพผู้ต้องสงสัยจาก CCTV ได้ แต่ยังต้องรอการวิเคราะห์ เพื่อสรุปผลติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุดต่อไป ยืนยัน ฝ่ายความมั่นคง ยังควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษมาบังคับใช้แต่อย่างใด โดยได้สั่งตรวจเข้มทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ เน้นจุดสัญจร, แหล่งท่องเที่ยว รวมถึง ขอความร่วมมือประชาชนใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนงานด้านการข่าวก่อนเกิดเหตุ ไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีความรุนแรงแต่อย่างใด และหลังจากนี้จะต้องเข้มงวดมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ มุ่งประเด็นไปที่กลุ่มเสียผลประโยชน์ หรือกลุ่มที่ไม่พึงพอใจอะไรบางอย่าง และยังไม่ได้ตัดประเด็นการเมืองแต่ยังไม่ข้อสรุป ต้องรอผลการสอบสวนเชิงลึก ในวันนี้อีกครั้ง มั่นใจ ไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างแน่นอน เพราะทหารทุกเข้าใจ ระเบียบขั้นตอนส่วนเรื่องรายละเอียด ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน
ผบ.ทบ. เชื่อบึ้มราชประสงค์ไม่โยงใต้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผย เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เบื้องต้นเชื่อว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ เนื่องจากมีวิธีการที่ต่างกัน ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ต้องวิเคราะห์ และมองให้รอบด้าน ส่วนประเด็นที่อาจเกี่ยวข้องกับภายนอกประเทศ ก็ยังไม่ตัดทิ้ง
นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดช ระบุว่า เสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมประณามผู้ก่อเหตุ ไม่มีคุณธรรม ส่วนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รัฐบาลเตรียมพิจารณาดูแลและเยียวยา ยันยืนเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทำงานเต็มที่เพื่อดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย และต้องแก้ปัญหาให้ได้ ขอประชาชนอย่าตระหนกมากเกินไป ใช้ชีวิตตามปกติ ด้วยความระมัดระวัง
ประวิตรยันรู้เบาะแสบึ้มราชประสงค์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ผู้ก่อเหตุมีเจตนาชัดเจนที่จะทำร้ายประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งยอมรับว่า ไม่คาดคิดว่าจะมีการก่อเหตุในที่ ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายความมั่นคง กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการตั้ง บก.ติดตามสถานการณ์ ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีการเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดต่างๆ ซึ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มใดและมีสาเหตุมาจากเรื่องใด โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง หรือความเชื่อมโยงกับเรื่องของต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ ยืนยันจะต้องติดตามตัวผู้ก่อเหตุให้ได้ ขณะเดียวกัน ได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าที่ทหารและตำรวจ ป้องกันดูแลรักษาความสงบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยยังคงใช้กฎหมายปกติ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจและอย่าตื่นตระหนก
พล.อ.ประวิตรประชุมฝ่ายความมั่นคงต่อเนื่อง
ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ภายหลังมีคำสั่งให้จัดตั้งกองบัญชาการติดตามสถานการณ์ (บก.ติดตามสถานการณ์) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภาคตะวันออก ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถ.วิภาวดีรังสิต เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุระเบิด บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ช่วงค่ำวานนี้ (17 ส.ค.) และนำไปสู่การหาตัวคนร้ายเหตุที่วางระเบิดบริเวณราชประสงค์ พร้อมทั้งวางมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัย
โดยการประชุมครั้งนี้ มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุม ที่จะหารือร่วมกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก และหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ เพื่อรายงานการติดตามสถานการณ์และประเมินเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ
ขณะที่การประชุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าติดตามความเคลื่อนไหว ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ แต่เมื่อประชุมเสร็จสิ้นแล้วจะให้ติดตามการแถลงข่าวผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสื่อทุกช่องสามารถลิงค์สัญญาณ โดยช่อง 5 เป็นแม่ข่าย