เปิดใจ "ป้าอ้อย" แม่สู้ชีวิตเก็บขยะขาย ส่งลูกเรียนจบด็อกเตอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 ส.ค.) ได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ถนนปรมินทรมรรคา ซอย 3 ต.ท่าตะเภา เขตเทศบาลเมืองชุมพร พบกับ นางบุษรี จุลเพ็ญ หรือ ป้าอ้อย อายุ 63 ปี อาชีพเก็บขยะขาย เป็นบ้านเช่าชั้นเดียวอยู่ท้ายซอย ที่หน้าบ้านเต็มไปด้วยกองขยะประเภทกระดาษ ลังกระดาษ พลาสติก เศษเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าเสียหายชำรุด กองอยู่จำนวนมาก
จากการสอบถาม ป้าอ้อย กล่าวถึงชีวิตของตนเองว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นกระเป๋ารถบัสสายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร มีสามีเป็นคนขับรถบัสคันดังกล่าว มีลูกด้วยกัน 2 คน ต่อมาได้เลิกรากับสามี ขณะนั้นลูกคนโต อายุ 7 ขวบ คนน้องอายุ 5 ขวบ ตนต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกทั้งสองคน และเช่าบ้านอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร
แรกๆ ตนยึดอาชีพขายขนมหวานแต่ขายไม่ดี ทำให้เงินขาดมือ ไม่พอใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกๆ จึงหันมาขับรถจยย.ใช้รถเข็นพ่วงท้าย ออกตระเวนเก็บขยะตามถังขยะ และที่ถูกทิ้งอยู่ตามทางสาธารณะริมถนนเกือบทุกวัน และรับซื้อจากชาวบ้านทั่วไป จนถึงปัจจุบันยึดอาชีพเก็บขยะขายมากว่า 30 ปีแล้ว ทำให้มีรายได้เลี้ยงชีพและส่งลูกๆ เรียนหนังสือได้อย่างไม่เดือดร้อน
นางบุษรี กล่าวอีกว่า ต่อมาตนมีสามีใหม่ ชื่อนายประมวล ศรีพิจิตร อายุ 55 ปี อยู่กินด้วยกันมาหลายปี โดยมีลูกด้วยกันอีก 1 คน สามีขยันขันแข็ง มีหน้าที่ช่วยเหลือคัดแยกขยะและถอดแยกชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆ ที่ซื้อมาเพื่อนำไปส่งขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า ช่วงเย็นๆ สามีจะออกไปขับรถจยย.รับจ้างที่หน้าเทศบาลเมืองชุมพร และกลับเข้าบ้านตอนเที่ยงคืนเป็นประจำทุกวัน
ที่ผ่านมาตนได้ยึดอาชีพเก็บขยะขายมานาน เก็บหอมรอบริบเลี้ยงดูส่งเสียลูกๆ ทั้งสามคนให้เรียนหนังสือ ซึ่งลูกๆ ได้ขอร้องให้ตนเลิกอาชีพนี้ เพราะเห็นเราอายุมากแล้ว กลัวว่าการขับรถจักรยานยนต์ตระเวนเก็บขยะขายจะเกิดอันตราย แต่ตนก็ยังรักอาชีพนี้ ทุกวันก็ยังต้องออกตระเวนเก็บขยะขาย เพราะตนถือว่ามันเป็นอาชีพสุจริต ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน ลูกทั้ง 3 คน เรียนหนังสือจนจบประสบความสำเร็จในชีวิต ลูกชายคนโต คือ นายกุลชาติ จุลเพ็ญ อายุ 37 ปี จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จบปริญญาโทสาขาการขึ้นรูปโลหะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และจบปริญญาเอก สาขาการขึ้นรูปโลหะที่ Nippon Institute Technology จากประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน ดร.กุลชาติ เป็นอาจารย์สอนหนังสือ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ส่วนลูกสาวคนรองชื่อ น.ส.ณ ภัทรวรัญ จุลเพ็ญ อายุ 35 ปี จบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำงานอยู่บริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ และคนสุดท้องกับสามีใหม่ชื่อ นายเหล็กกล้า ศรีพิจิตร อายุ 25 ปี จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทำงานอยู่บริษัทเอกชนในกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นางบุษรี กล่าวฝากถึงลูกทุกคนในวันแม่ว่า สำหรับแม่นั้นทำได้ทุกอย่างเพื่ออนาคตของลูก ขอให้ลูกๆ ทุกคนนึกถึงแม่และผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูมา จงตั้งใจเรียนหนังสือ อย่าเกเราทำตัวไม่ดี ส่วนลูกคนไหนที่เดินทางผิด หรือเดินหลงทาง เมื่อรู้ตัวเองก็อย่าเดินต่อไป ขอให้หยุดและถอยหลังกลับมาตั้งหลักใหม่ ชีวิตย่อมเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ