รมว.เกษตรฯวาง4มาตราการหลักช่วยแล้ง

รมว.เกษตรฯวาง4มาตราการหลักช่วยแล้ง

รมว.เกษตรฯวาง4มาตราการหลักช่วยแล้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เผย วาง4มาตราการหลัก ช่วยเกษตรกรช่วงที่ฝนยังไม่ตก ขณะระยะยาวปรับปรุงแหล่งน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ลุ่ม ยันสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขณะนี้เริ่มดีขึ้น

นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือเกษตรกรประจำตำบลพบว่า การส่งทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ลงไปพบปะเกษตรกรได้ผลเป็นอย่างดี หลายๆปัญหาในแต่ละพื้นที่ได้ถูกแก้ไขจากทั้งระดับเจ้าหน้าที่ ระดับจังหวัด และรายงานมายังกระทรวงเกษตรฯ  สำหรับแผนการให้ช่วยเหลือเกษตรกรทั้งในระยะเฉพาะหน้าช่วงที่ฝนยังไม่ตก และหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว กระทรวงเกษตรฯ ได้วางมาตรการให้ความช่วยเหลือใน 1.การส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อยที่ภาครัฐจะเข้ามาดูแลเรื่องการตลาดให้ 2.การสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้เกษตรกรลงทุนสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กประจำไร่นา โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงด้านการลงทุนให้แก่เกษตรกร 3. การจ้างงานปรับปรุงระบบชลประทาน ในช่วงที่ไม่สามารถทำการเกษตรกรได้ ซึ่งจะเริ่มจ้างงานได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้ 4.การส่งเสริมการทำฟาร์มตัวอย่างในชุมชนตามแนวทางพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  ส่วนแผนในระยะต่อไปที่ต้องเร่งนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา การปรับปรุงแหล่งน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่ได้มอบองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไปดูแล จะนำมาพิจารณาแนวทางดำเนินการโดยเร่งด่วน ควบคู่กับการปรังปรุงประตูน้ำต่างๆ บริหารจัดการน้ำ

 


รมว.เกษตรฯยันน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาดีขึ้น

นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ จ.ชัยนาท และ จ.สิงห์บุรี ว่า สถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขณะนี้เริ่มดีขึ้น โดยปริมาณน้าไหลผ่าน 95 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน +14.19 ม.รทก. ซึ่งสามารถส่งน้ำเข้าระบบทั้งทุ่งฝั่งตะวันออก และทุ่งฝั่งตะวันตก โดยกรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรวันละ 6 ล้าน ลบ.ม. จากแผนการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก  เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดลำดับความสำคัญในพื้นที่เสี่ยงที่ได้ทำการสำรวจไว้แล้ว ก็ได้สั่งการให้กรมชลประทานจัดรอบเวรน้ำให้ยาวขึ้นจากเดิมที่ทำแผนเป็นช่วงระยะเวลา 7 วัน และประสานกับทีมเจ้าหน้าที่เกษตรกรที่ลงไปเยี่ยมเยียนเกษตรกรเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด เพื่อบูรณาการในการสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาระเบียบการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรผ่านพ้นวิกฤตได้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาเฉพาะจุด เช่น พื้นที่ปลายน้ำ  พื้นที่ดอน ซึ่งมีปัญหาการส่งน้ำ พื้นที่ข้าวตั้งท้องออกรวง และพืชสวนต่างๆ ซึ่งพบว่ายังมีหลายจุดที่น้ำยังเข้าไม่ถึง


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook