กรมชลฯเตรียมส่งน้ำช่วยข้าวตั้งท้อง21ก.ค.นี้

กรมชลประทาน เตรียมส่งน้ำช่วยนาข้าวตั้งท้อง หลังฝนตกมีน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติมากขึ้น

ส่วนประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (20 ก.ค. 58) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 3,920 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,115 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 101 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 58 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อน มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 481 ล้านลูกบาศก์เมตร

อนึ่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้กรมชลประทานและหน่วยงานในสังกัดเร่งหาทางแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำนาปีในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง อาทิ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสิงห์บุรี เป็นต้น ซึ่งกรมชลประทาน จะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่อาจได้รับความเสียหายให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดภายในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.)

สำหรับแนวทางการเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ปลูกข้าวนาปีนั้น จะพิจารณาส่งน้ำให้ตามลำดับความสำคัญ ดังนี้ 1. ข้าวที่อยู่ในระหว่างตั้งท้อง ที่อาจได้รับความเสียหายหากไม่ได้รับน้ำ 2. ไม้ผลและสวนกล้วยไม้ 3. พื้นที่ปลูกข้าวที่มีอายุมากกว่า 6 สัปดาห์ และ 4. พื้นที่ปลูกข้าวที่มีอายุน้อยกว่า 6 สัปดาห์ โดยจะเริ่มช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างเร็วที่สุด 1- 2 วันนี้