กอ.รมน.แจงผลปราบยาเสพติดมิ.ย.จับ253ราย

กอ.รมน.แจงผลปราบยาเสพติดมิ.ย.จับ253ราย

กอ.รมน.แจงผลปราบยาเสพติดมิ.ย.จับ253ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กอ.รมน. พบเครือข่ายค้ายาเสพติดพัฒนารูปแบบการกระทำความผิดซับซ้อนมากขึ้น ขณะ มิ.ย. จับผู้ต้องหาได้ 253 ราย ของกลางจำนวนมาก

พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษก กอ.รมน. สรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ห้วงวันที่ 1 - 15 ก.ค. 58 ซึ่งได้รวบรวมจากการบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยสถานการณ์ด้านยาเสพติด พบว่าเครือข่ายค้ายาเสพติดได้พัฒนารูปแบบการกระทำความผิดที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น มีการพัฒนาด้านการต่อต้านการสืบสวน และมีการจัดตั้งกลุ่มหรือข่ายงานของเครือข่ายที่มีลักษณะเชื่อมโยงกับกลุ่มหรือข่ายงานอื่น ๆ ที่เอื้อประโยชน์ เกิดเป็นเครือข่ายคู่ขนานต่าง ๆ โดยอาศัยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร และตามข้อมูลทางสถิติ พบว่ามีกลุ่มผู้เสพรายใหม่เพิ่มจำนวนขึ้น มีตัวยาชนิดใหม่ ๆ ปรากฏ ในขณะที่ตัวยาเก่า เช่น เฮโรอีน กำลังหวนกลับมาระบาดอีกครั้ง ดังนั้น ในอนาคตประเทศต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นในการขยายความร่วมมือโดยอาศัยความเกี่ยวเนื่องของปัญหายาเสพติดที่เชื่อมโยงถึงกัน 

ทั้งนี้ ในห้วง มิ.ย. 58 มีการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ รวม 138 คดี ผู้ต้องหา 253 คน ของกลางยาบ้า 8,689,777 เม็ด ไอซ์ 56.946 กก. โคเคน 10.2 กก. เฮโรอีน 1,009 หลอด ฝิ่นดิบ 9.02 กก. กัญชาแห้ง 1,961.9 กก. ยาอี/เอ็คตาซี 638 เม็ด ยาเค/เคตามีน 524 ขวด และใบกระท่อม 20 กก.

นอกจากนี้ พ.อ.บรรพต สรุปสถานการณ์ด้านความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ห้วงวันที่ 1-15 ก.ค. 58 เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการก่อการร้าย และอาชญากรรมข้ามชาติ ในส่วนของอาชญากรรมข้ามชาติ พบว่า อาชญากร 

ซึ่งแฝงตัวเข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว ใช้วิธีการดูดข้อมูลจากเจ้าของบัตร ใส่ลงในบัตรเครดิตปลอม นำมาใช้เบิกถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารในประเทศไทย
 
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของไทยสามารถจับกุมอาชญากรต่างประเทศ ที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งอาชญากรรม แหล่งปลอมแปลงบัตรเครดิต หรือก่อคดีภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือของประเทศได้ ส่วนสถานการณ์ด้านการบุกรุกทำลายป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ ปัจจุบัน กอ.รมน. ปฏิบัติตามยุทธการ “ป่าสัก ยั่งยืน” ระยะที่ 2 ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ทำการตรวจสอบพื้นที่สวนยางพาราเป้าหมายประมาณ 3,500 ไร่ พบว่า มีการปลูกยางพาราในพื้นที่ บ.นาจาน ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ส่วนการบุกรุกแผ้วถางป่า หรือเผาป่า ทำไร่เลื่อนลอย ยังมีปรากฏ โดยมีการจ้างวานให้ราษฎรเข้าไปทำลายป่า เพื่อจับจองที่ดินไว้ขาย สำหรับการตัดต้นยางพารา ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติยังไม่สามารถนำต้นยางพาราออกมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมาย การตัดต้นยางพารานั้นจะดำเนินการร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 จะมีแนวทางนำไปใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดต่อไป


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล