นายกฯย้ำไทยยึดกม.อย่านำขัดแย้งตปท.ลุยแก้ภัยแล้ง
นายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาประมง เร่งบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง เตรียมเปิดเวทีฟังความคิดเห็นนักศึกษา ย้ำไทยยึดกฎหมายอย่านำไทยไปเกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การแก้ปัญหาการทำประมง ประเทศไทยมีกฎหมาย แต่ก็ขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง และกฎหมายไม่ทันสมัย ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการทำประมงระหว่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมประมงของประเทศกับประชาชน โดยรัฐบาลจะดำเนินการดูแล เยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถปรับตัวและผ่านไปได้ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงที่ถูกกฎหมาย ได้สั่งการให้ ศปมผ. กรมประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ปัญหาเพื่อให้ผู้ประกอบการและชาวประมงมีเวลาปรับตัวและต้องไม่เสียผลของ IUU ด้วย
ทั้งนี้ ส่วนของเรือประมงน่านน้ำ เรือประมงพาณิชย์ หรือประมงพื้นบ้านที่ไม่เคยมาจดทะเบียนให้ทยอยจดทะเบียนได้ ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นปัญหาเรื่องอาชญาบัตรการทำประมง นอกจากจะให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ IUU แล้ว รัฐบาลมุ่งหวังดูแล ให้ความสำคัญกับประมงพื้นบ้าน การรักษาทรัพยากรประมง ให้คงอยู่และเพิ่มขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณชาวประมงที่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ โดยปัจจุบันนั้นมูลค่าส่งออกสินค้าประมงและธุรกิจต่อเนื่อง มีมูลค่าราว 2 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมประมงของประเทศ ที่เป็นแหล่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการดูแล เยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถปรับตัวและผ่านช่วงนี้ไปได้ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงที่ถูกกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นมา สำหรับเรือที่หยุดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นั้น สาเหตุหลัก 3 ประการ คือ 1) เป็นเรือที่อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารให้ถูกต้องเรียบร้อยตามระเบียบของราชการ 2) สภาพอากาศ มีคลื่นลมแรง ประกอบกับเป็นช่วงคืนเดือนหงาย เรือประมงจะหยุดออกเรือในช่วงดังกล่าว และ 3) ก็เป็นเรือที่ไม่สามารถออกอาชญาบัตรให้ใหม่ได้ เพราะใช้เครื่องมือประมงที่รัฐบาลควบคุม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องความมั่นคงว่า ความมีเสถียรภาพทางการเมืองนั้นจำเป็น และรัฐบาลมาเพื่อการปฏิรูป เพื่อหยุดความขัดแย้ง แล้วเดินหน้าประเทศให้ได้ โดยต้องมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ต้องพัฒนาเยาวชนให้มีความพร้อม ตรงความต้องการ มีทักษะ มีงานทำ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมของประเทศ ยังต้องเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า ถนน เส้นทางต่าง ๆ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ การขนส่งทางน้ำ ทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งในส่วนของการเดินหน้าพัฒนาประเทศ ปัญหาขณะนี้เกษตรกรมีความเดือดร้อน แรงงานภาคเกษตรมีการอ่อนแอลง ทั้งการเงิน ความรู้ เทคโนโลยี จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ให้ชัดเจนขึ้น
ส่วนเรื่องการเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในห้วงนี้ รัฐบาลก็หามาตรการที่จะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ สภาวะภัยแล้ง ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำการส่งเสริมจ้างงานเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรที่ ทำการเกษตรไม่ได้ รวมทั้งจะมีการสนับสนุนการลงทุนสำหรับธุรกิจ SMEs และภาคเอกชน หรือ Social Business เพื่อช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ ขอชาวประมงต้องระมัดระวังคลื่นลม เนื่องจากเริ่มมีฝนตกแล้วในบางพื้นที่พร้อมสั่งการให้ส่วนราชการทุกส่วนเตรียมการช่วยเหลือ
ส่วนการจัดการ ปฏิรูป เปิดเวที เปิดโอกาส เปิดเวลาให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันนั้นความมุ่งหมายก็คือต้องการให้โอกาสทุกคน ให้นิสิต นักศึกษา ทั้งที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ได้มาคุยกัน จะทำความเข้าใจกันได้อย่างไร
ทั้งนี้ขอให้ทุกคนอยู่ด้วยความสงบสุข แล้วอย่าตื่นตระหนกทุกเรื่องที่เป็นปัญหาในประเทศเยอะพออยู่แล้ว พยายามอย่าเอาประเทศไทยไปเกิดความขัดแย้งกับประเทศอื่นในโลก ซึ่งไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามพันธสัญญา แล้วเป็นไปตามประจักพยาน เป็นไปตามหลักฐาน เป็นไปตามข้อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมาย 2 ประเทศ หรือทวิภาคี มันก็จำเป็นต้องทำตามนั้น มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งใครทั้งสิ้น