ย้อนรอยเจ้าพ่อคนดัง ตำนานถูกปิดด้วยคมกระสุน

ย้อนรอยเจ้าพ่อคนดัง ตำนานถูกปิดด้วยคมกระสุน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนรอยเจ้าพ่อเมืองไทย ปิดตำนานด้วยการถูกปลิดชีพจากคมกระสุนของมือปืนรับจ้าง 

เจ้าพ่อเมืองไทยผู้ทรงอิทธิพลมีอยู่หลายวงการด้วย คำว่าอิทธิพลมักแอบแฝงด้วยเรื่องผลของประโยชน์แบบเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ในที่ลับหรือผลการค้าในที่แจ้ง ความขัดแย้งในกลุ่มธุรกิจล้วนเป็นชนวนเหตุแห่งจุดจบด้วยคมกระสุนปืน จากเจ้าพ่อคนดัง...จึงกลายเป็นเพียงตำนานแค่ให้ถูกกล่าวขานถึงเท่านั้น  

แคล้ว ธนิกุล เจ้าพ่อวงการมวย เป็นที่รู้จักในฐานะโปรโมเตอร์ในวงการมวยไทย, มวยสากลและมวยสากลสมัครเล่น และมีค่ายมวยที่มีชื่อว่า "ส.ธนิกุล" ในยุคนั้นถือเป็นยุคทองของเจ้าพ่อวงการมวยที่ชื่อ "แคล้ว ธนิกุล" ด้วยบุคลิกที่มีการเล่าขานกันมาว่าเป็นคนใจถึงรักพวกพ้อง ทำให้เขาเริ่มมีบริวารมีลูกน้องมากขึ้น ต่อมาเขาได้รับฉายาให้เป็น "เหลา สวนมะลิ" หรือ "เฮียเหลา" และอีกหนึ่งฉายาที่ยิ่งใหญ่ "เจ้าพ่อนครบาล" 

ความรุ่งโรจน์เรืองรองที่รอบกายเต็มไปด้วยผลประโยชน์ลาภยศเงินทอง ทำให้เขาต้องระแวดระวังภัยเป็นพิเศษด้วยการจ้างลูกน้องคนสนิท "ตี๋ ดำเนิน" หรือ "มือปืนร้อยศพ" ให้ติดตามไปตลอดทุกที

สุดท้ายสิ่งที่กลัวก็ไม่อาจหนีพ้น วันที่ 5 เมษายน 2534 ข่าวรายงานว่าเจ้าพ่อวงการมวย "แคล้ว ธนิกุล" ถูกสังหารด้วยห่ากระสุนชุดใหญ่จากอาวุธปืนเอ็ม 16 เป็นเหตุเสียชีวิตในรถพร้อมกับลูกน้องคนสนิท เหตุเกิดบริเวณถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ขณะกำลังจะกลับบ้านพักที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยสภาพศพที่เจ้าตัวอมพระอยู่ในปาก แต่ยังไม่รอดเงื้อมือของยมทูตไปได้ ในด้านคดีมีการบันทึกไว้ว่า "ยังไม่สามารถหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้"

บุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล เจ้าพ่อคาเฟ่ เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของวิลล่าคาเฟ่และดาราคาเฟ่ คาเฟ่ที่รุ่งเรืองอีกแห่งบนย่านถนนพระราม 9 คนในแวดวงมักจะเรียกขานนามเขาว่า "เฮียเลี้ยง" ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของคาเฟ่สถานบันเทิงที่คราคร่ำไปด้วยตลกชื่อดัง เรียกว่าเป็นบ่อเงินบ่อทองของตลกเลยทีเดียว 

เป็นยุคทองคาเฟ่ที่มีคู่แข่งอย่าง "พระราม 9 คาเฟ่" ของ สมยศ สุธางค์กูร เป็นกระดูกขวางลำเบอร์ใหญ่ การช่วงชิงเพื่อให้ได้มาของ ตลกแถวหน้า หรือ นักร้องคนดัง ไม่ว่าจะด้วยวิธีแบบมาเฟีย..ในยุคนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว มีการรายงานไว้ว่า เคยเกิดการแย่งชิงตัวของ "ไชยา มิตรไชย" และ "โก๊ะตี๋" ระหว่าง "เฮียเลี้ยง" และ "เสี่ยสมยศ" ด้วยวิธีการส่งคนไปอุ้มให้มาแสดงที่คาเฟ่ตนเอง เรียกว่าเป็นยุทธการเพชรตัดเพชรอยู่ในสนามแข่งขันที่ร้อนเป็นไฟ 

และเหตุการณ์ไม่คาดฝันบรรดาตลกต่างช็อกกับข่าวที่เกิดขึ้น "บุญเลี้ยง" หรือ "เฮียเลี้ยง" ถูกปลิดชีพด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตภายในคอนโดย่านรามคำแหง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2541 ในด้านคดีตำรวจตั้งปมสงสัยอาจเกี่ยวข้องขัดแย้งในธุรกิจคาเฟ่ด้วยกัน แต่ต่อมาคดีเป็นที่สิ้นสุดจบลงที่เป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ปิดบัญชี "เฮียเลี้ยง" เจ้าพ่อธุรกิจคาเฟ่แบบถาวร

สมยศ สุธางค์กูร ในฐานะเจ้าพ่อคาเฟ่ที่ตีคู่ขนานมากับ "เฮียเลี้ยง"  หลังสิ้นเจ้าพ่อคู่แข่งไป "พระราม 9 คาเฟ่" ไร้ซึ่งอุปสรรคทั้งปวงไม่ต้องชิงตัวตลกหรือนักร้องอีกต่อไป ดูเหมือนธุรกิจคาเฟ่เหมือนจะไปได้ดีเมื่อเบอร์หนึ่งมีเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น แต่กลับกันนานวันเข้าคาเฟ่จากที่เคยครึกครื้นก็เริมซบเซาจนเข้าสู่ยุคอับเฉา ตลกคาเฟ่ตกงานกันเป็นแถวเพราะคนเริ่มไม่นิยมนั่งคาเฟ่กันแล้ว

จากยุคทองเข้าสู่ยุคเสื่อมชื่อของ "เสี่ยสมยศ เจ้าพ่อคาเฟ่" ค่อยๆ ถูกกลืนหายไปจากแวดวงสังคมใหญ่ "เสี่ยสมยศ" ล้างมือจากคาเฟ่หันไปลงเล่นการเมืองแทน ด้วยการสมัครเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์

และชื่อของเขาถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง เมื่อสือทุกสำนักรายงานข่าวพบศพอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่ "สมยศ สุธางค์กูร" ถูกยิงเสียชีวิต บริเวณลานจอดรถหลังรับประทานอาหารที่ภัตราคารเจ้าประจำ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2558 ในด้านคดีตำรวจกำลังไขปริศนาที่มาของการสังหารโหดครั้งนี้....คล้ายฉายหนังซ้ำ "สองเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ในวงการคาเฟ่" จบชีวิตด้วยคมกระสุนที่เหมือนกัน 

เส้นทาง "เจ้าพ่อ" กว่าจะผงาดขึ้นมาได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน แต่สุดท้ายจุดจบแทบไม่แตกต่างกันไม่ "ตาย" ก็ติด "คุก" เมื่อถึงคราวน้ำลดตอก็เริ่มผุด บารมีหดก็หมดวาสนาทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook