ครม.ศก.ชง84ล.เจาะบาดาลแก้ภัยแล้งให้เลื่อนทำนา

พล.อ.อนุพงษ์ ยันไม่นิ่งนอนใจ ขอประชาชนอย่าตะหนก สร้างความรู้ความเข้าใจขณะที่มีน้ำน้อย พล.อ.ดาว์พงษ์ เผยกระทรวงทรัพยากรฯ ขออนุมัติงบประมาณวงเงิน 84 ล้านบาทใช้ขุดบ่อบาดาล - เตรียม 3 มาตรการรองรับพื้นที่ที่ยังไม่มีการเพาะปลูก

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงปัญหาน้ำ แนวทางการจัดการน้ำในปีนี้ รวมถึงดูข้อมูลพยากรณ์น้ำ และดูมาตรการช่วยเหลือพื้นที่ที่มีปัญหา พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และขอประชาชนอย่าสร้างความตื่นตระหนก ให้สร้างความรับรู้และเข้าใจว่า ขณะนี้น้ำมีน้อย และประชาชนจะต้องช่วยกันและให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกัน ทางภาครัฐ ก็จะจัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่อยากให้สร้างวัฒนธรรมการแย่งน้ำกันเกิดขึ้นด้วย ซึ่งจากการประเมินในการใช้น้ำนั้น รัฐบาลจะคำนึงถึงน้ำอุปโภคบริโภคและจะต้องรักษาไว้ให้ได้ ส่วนระบบนิเวศ ก็จะใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนน้ำอีกส่วนหนึ่งนั้น ก็จะนำไปช่วยเหลือเกษตรกร โดย นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าการดำเนินการต้องเป็นไปตามข้อมูล และน้ำจะต้องอยู่จนถึงเดือนเมษายน 2559 ให้ได้

ก.ทัพยากรฯ ขออนุมัติงบ 84 ลบ.ขุดบ่อบาดาล

พล.อ.ดาวว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ศักยภาพที่มีอยู่ในขณะนี้ ทำให้กระทรวงทรัพยากรฯ สามารถสนับสนุนบ่อบาดาลได้จำนวน 880 บ่อ ใน 22 จังหวัดพื้นที่เขตชลประทานลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะใช้บ่อน้ำสังเกตการณ์ที่มีอยู่แล้วจำนวน 380 บ่อ และจะส่งปั๊มน้ำเข้าไปติดตั้ง ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา ส่วนอีก 500 บ่อจะดำเนินการเจาะใหม่ โดยให้กรมชลประทานเป็นผู้ให้ข้อมูลพื้นที่ขุดเจาะเพื่อให้เป็นประโยชน์กับพื้นที่ในการปลูกข้าวมากที่สุด ซึ่งจากแนวทางนี้จะทำให้มีน้ำจากการขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติมขึ้นมา 2 แสนลูกบากศ์เมตรต่อวัน ทำให้ช่วยเกษตรกร
ได้กว่า 1.3 แสนไร่ โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้


ทั้งนี้ กระทรวงทัพยากรฯ ยังได้ขออนุมัติงบประมาณวงเงิน 84 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการขุดเจาะบ่อบาดาลและจัดหาปั๊มน้ำเพิ่มเติม โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ในการอนุมัติงบประมาณดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง

ปิติพงษ์เตรียม 3 มาตรการ พท.ยังไม่เพาะปลูก

นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของการเกษตรนั้น พื้นที่ที่มีปัญหาคือในลุ่มเจ้าพระยาซึ่งมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน โดยพื้นที่ที่วางแผนไว้เพื่อการเพาะปลูกมี 7.45 ล้านไร่ ซึ่งมีการเพาะปลูกก่อนสั่งชะลอ 3.44 ล้านไร่ และมีเพิ่มเติมอีก 5.6 แสนไร่ ดังนั้น จึงเหลือพื้นที่ที่ยังไม่มีการเพาะปลูก 3.45 ล้านไร่ ซึ่งในพื้นที่ 3.44 ล้านไร่ที่มีการเพาะปลูกไปแล้ว คิดเป็นพื้นที่ความเสี่ยง 8 แสนกว่าไร่นั้น ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะขุดเจาะบ่อบาดาลและใช้บ่อบาดาลเดิมที่ขุดเจาะแล้วเข้ามาเสริมน้ำบริเวณ 8 แสนไร่ที่มีความเสี่ยง

ทั้งนี้ พื้นที่ที่ยังไม่มีการเพาะปลูกมีมาตรการ 3 มาตราการรองรับ คือ 1.ขอให้เกษตรเลื่อนระยะเวลาการเพาะปลูกไปเป็นเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2.ปรับเปลี่ยนพืชในการเพาะปลูก โดยหันไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุสั้นและเป็นความต้องการของตลาด อาทิ ข้าวโพดหรือถั่วเขียวหรือปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรแบบผสมผสาน และ 3.ให้กระทรวงการคลังพิจารณาพักชำระหนี้ทั้งต้นและดอกของเกษตรกรที่มีปัญหาไม่สามารถเพาะปลูกได้