คปพ.ยื่นคัดค้านพ.ร.บ.ปิโตรเลียม-ขอทบทวนปรับภาษีLPGขนส่ง

คปพ.ยื่นคัดค้านพ.ร.บ.ปิโตรเลียม-ขอทบทวนปรับภาษีLPGขนส่ง

คปพ.ยื่นคัดค้านพ.ร.บ.ปิโตรเลียม-ขอทบทวนปรับภาษีLPGขนส่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ ขอให้ นายกฯ ทบทวนแนวคิดปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่ง

เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน นายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดย นายปานเทพ กล่าวว่า คปพ. ขอแสดงจุดยืนคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับที่... พ.ศ. ... และ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมฉบับที่... พ.ศ. ... ที่ผ่านการอนุมัติโดยหลักการของคณะรัฐมนตรีแล้ว เนื่องจากเห็นร่างฯ พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับนั้นไม่เคยมีการเผยแพร่ให้ประชาชนทราบก่อนและไม่ได้มีการรับฟังเสียงของประชาชนหรือมีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนแต่อย่างใด แต่มีการอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรี จึงห่วงว่าภาคประชาชนอาจเกิดความสงสัย ว่า ครม.
ขาดความจริงใจต่อข้อเสนอของประชาชนหรือไม่

ทั้งนี้ นายปานเทพ กล่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ถอนร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยทันที และขอให้นำร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. .... และร่างคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่.../2558 เรื่องการจัดหาทรัพยากรปิโตรเลียมในราชอาณาจักรของ คปพ. เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการเห็นชอบและจัดการทำประชาพิจารณ์ในร่างกฎหมายของภาคประชาชนต่อไป

 

คปพ.ขอนายกฯ ทบทวนปรับภาษี LPG ขนส่ง

นายรุ่งชัย จันทสิงห์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) กล่าวถึงแนวคิดการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่ง และยกเลิกการใช้แอลพีจี ภายใน 1-2 ปี ที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีทบทวนแนวคิดดังกล่าว และยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เนื่องจากสถานะของกองทุนน้ำมัน ในขณะนี้ถือว่าเพียงพอ และจะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เห็นว่า การใช้แอลพีจีในภาคขนส่ง ไม่ได้มีสัดส่วนมากที่สุด แต่เป็นภาคปิโตรเคมีที่ใช้มากกว่า และการใช้ภาคขนส่ง ก็ไม่ใช่การใช้พลังงานผิดประเภท เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันแล้ว แอลพีจี จะช่วยลดมลภาวะได้มากกว่า ดังนั้น การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต จะเป็นการเพิ่มต้นทุน ทำให้บริการรถยนต์สาธารณะเพิ่มขึ้น จึงเห็นว่าไม่ควรปรับเพิ่มดังกล่าว แต่ควรจะเรียกเก็บจากภาคปิโตรเลียมที่เป็นผู้ใช้แอลพีจีมากที่สุดแทน ส่วนการให้ยกเลิกการใช้แอลพีจี ภายใน 1-2 ปีนั้น จะกระทบต่อผู้ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ในรถยนต์แอลพีจี ที่มีอยู่ 1.5 ล้านคัน ซึ่งหากมีการดำเนินการดังกล่าวจะถือเป็นความผิดพลาดของนโยบายภาครัฐเอง

 


 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล