กรมชลประเมินสถานการณ์น้ำหลังฝนทิ้งช่วง

รองอธิบดีกรมชล เผย กำลังประเมินสถานการณ์น้ำหลังฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล อาจขยายเวลาส่งน้ำให้ชาวนาทำนาช้าไปอีก
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์น้ำ ภายหลังจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลให้สิ้น มิ.ย. 2558 น้ำในเขื่อนที่สามารถใช้ได้ในปัจจุบันมีประมาณ 5,500 ล้าน ลบ.ม. คงจะหมดและไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก จึงเตรียมประกาศงดส่งน้ำเพื่อทำการเพาะปลูก เพื่อให้มีน้ำรักษาระบบนิเวศและการบริโภค ดังนั้นในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ กรมชลประทาน จะหารือกับกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำฝน หากมีความชัดเจนว่าฝนไม่ตก ก็จะประกาศงดส่งน้ำเพื่อทำการเพาะปลูกต่อไป
นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับปริมาณน้ำ 4 เขื่อนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เหลือสนับสนุนการเพาะปลูกน้อยมาก โดยเขื่อนภูมิพลเหลือน้ำใช้ได้ประมาณ 558 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำใช้ได้ 946 ล้านลบ.ม. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเหลือน้ำใช้ได้ 109 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหลือน้ำใช้ได้ 105 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทาน มีการระบายน้ำเพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกประมาณวันละ 62 ล้าน ลบ.ม./วินาที ซึ่งหากฝนไม่ตกเลย เกษตรกรไทยลำบากแน่ เพราะแม้ในเขตชลประทาน แต่น้ำต้นทุนจากเขื่อน จะต้องเก็บจากน้ำฝนที่ตกลงมา หากฝนไม่ตกลงเขื่อน น้ำก็ไม่มีเพาะปลูก
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หลังจากกระชลประทาน ประกาศปล่อยน้ำเพื่อสนับสนุนการทำการเพาะปลูกเมื่อวันที่ 1 พ.ค. เกษตรกรเริ่มทำการเพาะปลูกและทำการเกษตรไปแล้ว 2 ล้านไร่ โดยเฉพาะการทำนา เหลือพื้นที่ทำการเกษตรอีกมากกว่า 7 ล้านไร่ ที่ไม่มีน้ำสำหรับทำการเพาะปลูก