สมยศไม่เชื่อมีหน่วยงานตร.รับส่วยโรฮีนจา

สมยศไม่เชื่อมีหน่วยงานตร.รับส่วยโรฮีนจา

สมยศไม่เชื่อมีหน่วยงานตร.รับส่วยโรฮีนจา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ให้น้ำหนักรายชื่อหน่วยงานตำรวจเรียกรับสินบนค้าโรฮีนจา วอนผู้มีเบาะแสให้ข้อมูลทางลับเพื่อตรวจสอบได้ ขณะที่ 'พล.ต.อ.เอก' ลงพื้นที่ตรวจ เร่งสรุปสำนวนที่ ศปก. หาดใหญ่วันนี้ประกันตัว 'พล.ท.มนัส' หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ศาล

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นรายชื่อของข้าราชการตำรวจที่มีการเผยแพร่ว่ามีหน่วยงานหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ที่มีการเผยแพร่ในเวทีเสวนาต่อต้านการคัามนุษย์อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด โดยทราบเพียงว่าที่มีการเผยแพร่นั้น ไม่ได้มีการระบุชื่อหรือยศ ตำแหน่ง เพียงแต่บอกเป็นหน่วยงานเท่านั้น ซึ่งมองตนมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากบุคคลใดก็เขียนขึ้นมาก็ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน ซึ่งต่างจาก กรณีของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก ที่มีรายชื่อเกี่ยวข้อง และมีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังผู้ที่มีข้อมูลหรือรายชื่อดังกล่าว ขอให้ประสานในทางลับหรือให้ข้อมูลมาที่ตนเเองหรือสำนักงานโดยตรง เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบและหาที่มาที่ไปได้ จะได้ไม่เป็นการพูดหรือกล่าวหากันลอยๆ 

อย่างไรก็ตาม สำหรับรายชื่อดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยมาจาก นายสุรพงษ์ กองจันทึก สภาทนายความ ในเวทีเสวนาเรื่องต้านการค้ามนุษย์ จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเมื่อวานที่ผ่านมา โดยมีการเขียนระบุว่ามีข้าราชการตำรวจสังกัดต่างๆอาทิ กองบังคับการปราบปราม/ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม./ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง/ตำรวจสันติบาล  และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานประกันสังคม โดยมีการระบุจำนวนเงินไว้ด้วย


เอกเร่งคดีค้ามนุษย์-ประกันตัวมนัสอยู่ที่ศาล

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในวันนี้ (6 มิ.ย.) ตนเองจะเดินทางไป ที่ ศปก.ส่วนหน้า ที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อติดตามและเร่งรัด การสรุปสำนวนคดี ค้ามนุษย์โรฮินจา ที่จะต้องสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ เนื่องจากต้องให้เวลากับพนักงานอัยการ เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์สำนวนด้วย และในวันจันทร์นี้ (8 มิ.ย.) ทางอธิบดีอัยการคดีอาญา จะทำการร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนในคดีนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำสำนวนให้รัดกุมได้แน่


ส่วนประเด็นที่ ทาง พล.ท. มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ได้ให้ ทนายความ ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ไม่ปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งนั้น  ถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะมีคำสั่งมาอย่างไร ส่วนกรณีจะมีคนที่เกี่ยวข้องใหญ่กว่า พล.ท.มนัส หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่าสาวถึงผู้ใดบ้าง จึงสามารถบอกได้ 

นอกจากนี้ ตนเองจะได้ลงพื้นที่ เพื่อพบปะกับมวลชน เพื่อหาเบาะแส ในเรื่องของการค้ามนุษย์อีกด้วย ในวันนี้ 


'เอก' ยัน ออกหมายจับ 'พล.ท.มนัส' รอบคอบ

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ กรณีที่ทนายความของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกหนึ่งในผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 เพื่อขอประกันตัวอีกครั้งว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งได้หากศาลไม่ให้ประกันตัว แต่ขอยืนยันว่าการออกหมายจับ พล.ท.มนัส รวมถึงผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ทางคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ได้หารือร่วมกันถึงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะนำมาสนับสนุนในการกล่าวหาผู้กระทำผิดทั้งหมดโดยพิจารณาอย่างรอบคอบภายใต้พื้นฐานของข้อเท็จจริงไม่ได้มีการกล่าวหานอกเหนือจากข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันในพยานและหลักฐานทั้งหมดได้ ทั้งนี้ จำเป็นต้องคัดค้านการประกันตัว พล.ท.มนัส รวมถึงผู้ต้องหาทุกคน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ในเรื่องคำร้องของผู้ต้องหาจะเป็นมาตรฐานการปฏิบัติเหมือนกันทุกคน

พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า คดีนี้จะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาคนสำคัญที่ใหญ่กว่า พล.ท.มนัส หรือไม่นั้นจะต้องว่ากันไปตามพยานและหลักฐาน ซึ่งยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งพยานที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือจากคำให้การของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้หากพาดพิงถึงใครและมีน้ำหนักมากพอก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นใคร โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ยังอยู่ที่ 84 หมาย จับแล้ว 53 คน และเหลืออีก 31 คนที่ยังหลบหนี

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายสอบสวนเจ้าหน้าที่เตรียมที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีการสืบพยานบางคนล่วงหน้า เนื่องจากมีความจำเป็นในเรื่องของการสืบพยานต่าง ๆ เพื่อเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ก่อนครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา 2 ฝาก เพื่อให้เวลากับทางอัยการสูงสุดพิจารณาสำนวน และส่งคดีผู้ต้องหาแต่ละคนตามความผิดที่ถูกกล่าวหาแต่ละฐานความผิด และในวันจันทร์นี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะประชุมกันอีกครั้ง



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook