สมบัติ ย้ำไม่แก้ร่างรธน.มีปัญหาโหวตแน่

'สมบัติ' เลื่อนการชี้แจงแก้ไข รธน. เป็นวันที่ 8 มิ.ย. เนื่องจากติดการแถลงผลงานของรัฐบาล เชื่อหากไม่มีการแก้ไขร่าง จะมีผลต่อการลงมติ
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้มีการเลื่อนการชี้แจงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกับกรรมาธิการยกร่างฯ จากเดิมในวันที่ 4 มิถุนายน ไปเป็น 8 มิถุนายน เวลา 09.00-12.00 น. เนื่องจากมีการประชุมแถลงผลงานของแม่น้ำ 3 สาย (สปช. สนช. และ ครม.) โดยยังคงชี้แจงร่วมกับนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. ในประเด็นรูปแบบการเขียนรัฐธรรมนูญให้กะทัดรัด เป็นสากล โดยนำรายละเอียดต่าง ๆ ไปไว้ในกฎหมายลูก เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา
ขณะเดียวกัน ยังคงคัดค้านรัฐบาลรูปแบบผสม เพราะจะทำให้รัฐบาลอ่อนแอไม่สามารถพัฒนาประเทศได้ แต่หากเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากและกลัวการเป็นเผด็จการรัฐสภา ก็เสนอให้มีการตั้งกลไกตรวจสอบใหม่ โดยให้ ส.ส. เสนอชื่อต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากมีความผิดอาญาก็ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาทันที นอกจากนี้ ยังเห็นว่ากระบวนการถอดถอนนักการเมืองโดยนักการเมืองยังไม่เคยถอดถอนได้สำเร็จ จึงเสนอให้ฝ่ายตุลาการเป็นผู้ถอดถอน และไม่กลัวต่อเสียงวิพากษ์จารณ์จากนักการเมืองต่อประเด็นนี้
ทั้งนี้ หากกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่มีการแก้ไขในประเด็นที่มีผู้เสนอแก้ นายสมบัติ เชื่อว่าย่อมมีผลกับ สปช. ในการลงมติต่อร่างรัฐธรรมนูญ
กมธ.รธน.เผยผู้แจงกลุ่ม3,4เห็นด้วยโครงสร้าง4ประการ
นายปกรณ์ ปรียากร คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงภาพรวมการเข้าชี้แจงคำขอแก้ไขของ สปช. นั้นในกลุ่มที่ 3 มี นายมนูญ ศิริวรรณ และกลุ่มที่ 4 นายประสาร มฤคพิทักษ์ นั้นภาพรวมในการชี้แจงทั้ง 2 กลุ่มค่อนข้างเห็นด้วยกับโครงสร้างหลักที่ กมธ.ยกร่างฯ ได้กำหนดไว้ 4 ประการ เพียงแต่อาจมีความเห็นต่าง เช่น จำนวนวุฒิสภาและการได้มาซึ่งวุฒิสภา ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากต้องรับฟังให้ครบทุกคำขอก่อน แล้วจึงดำเนินการประมวลถึงเรื่องใดบ้างที่มีความชัดเจน หรือไม่มีการแก้ไขเลย และคำขอที่แก้ไขในประเด็นต่าง ๆ นั้นมีความแตกต่างกัน รูปแบบการทำงานในการปรับเปลี่ยนคำขอแก้ไขนั้นจะใช้หลักที่ว่าหากคำขอใดมีความเห็นร่วมต้องมีการแก้ไขในการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น จะต้องมีการถาม สปช. อีกครั้งว่ามีความเห็นอย่างไร