โจรทุบเบนซ์ดาราสาว บี มาติกา กวาดทรัพย์ครึ่งล้าน

โจรทุบเบนซ์ดาราสาว บี มาติกา กวาดทรัพย์ครึ่งล้าน

โจรทุบเบนซ์ดาราสาว บี มาติกา กวาดทรัพย์ครึ่งล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วานนี้ (10 พ.ค.) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายทุบกระจกก่อนขโมยทรัพย์สินของมีค่าหลายรายการ ที่บริเวณริมถนนสารสินใกล้แยกสารสินตัดหลังสวน เยื้องธนาคารธนชาต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนดังกล่าวใกล้พื้นที่ก่อสร้างพบรถยนต์ยี่ห้อจากัวร์ สีเทา ทะเบียน พว 77 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นซีคลาส สีขาว ทะเบียน 1 กธ 3663 กรุงเทพมหานคร โดยกระจกรถฝั่งซ้ายทั้งสองคันถูกทุบแตกละเอียด และมีร่องรอยใช้ของแข็งงัดแงะบริเวณขอบกระจก

ใกล้ที่เกิดเหตุพบนายกรกฤช จุฬางกูร อายุ 37 ปี นักบริหารรุ่นใหม่ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทในเครือกลุ่มซัมมิท กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของคนไทยรายใหญ่ที่สุด มูลค่าธุรกิจหลายหมื่นล้าน น.ส.ประวีนา ฟูเฟื่องมงคลกิจ อายุ 29 ปี และ น.ส.มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ หรือ บี อายุ 29 ปี ดารานักแสดงชื่อดัง ยืนรอให้การต่อตำรวจ

จากการตรวจสอบทรัพย์สินพบของ น.ส.มาติกา ที่สูญหายมี กระเป๋าชาเนล สีแดง ราคา 8 หมื่นบาท กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อชาเนล สีดำ ราคา 2.5 หมื่นบาท แว่นตากันแดดยี่ห้อดิออร์ ราคา 16,500 บาท เงินสกุลเยนคิดเป็นเงินไทย 2 หมื่นบาท เงินไทย 1.5 หมื่นบาท บัตรเครดิตและเอกสารสำคัญอีกหลายรายการ ส่วนทรัพย์สินของ น.ส.ประวีนา เพื่อนของดาราสาว ที่สูญหายเป็นกระเป๋ายี่ห้อแอร์เมส สีดำ ราคา 3 แสนบาท ตุ้มหูยี่ห้อชาเนล 1 คู่ ราคา 1.2 หมื่นบาท กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อชาเนล ลายฟองน้ำ สีแดง ราคาประมาณ 3 หมื่นบาท เงินสด 4,000 บาท บัตรเครดิตและเอกสารสำคัญหลายรายการ ส่วนทรัพย์สินของนายกรกฤชไม่มีอะไรสูญหาย เพียงแต่กระจกรถถูกทุบเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบปากคำทราบว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม เวลาประมาณ 21.30 น. นายกรกฤช น.ส.ประวีนา และน.ส.มาติกา ได้ขับรถทั้งสองคันตามกันมาจอดบริเวณถนนสารสินใกล้แยกสารสินตัดหลังสวน เยื้องธนาคารธนชาต ซึ่งใกล้พื้นที่ก่อสร้าง และเป็นพื้นที่เปลี่ยว จากนั้นทั้งสามคนได้ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงย่านหลังสวน เมื่อเลิกจากร้านเวลาประมาณ 22.30 น. มีกลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันโทรศัพท์มาบอกว่า รถยนต์ทั้งสองคันถูกทุบกระจก ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

หลังจากนี้ ตำรวจต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม และพยานแวดล้อมอีกครั้ง รวมทั้งรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน หลังจากนี้ประสานตำรวจฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ บริษัทห้างร้านใกล้เคียงปิดทำการ รวมทั้งต้องรอการประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook