คืบหน้าคดีฝังศพเด็กใต้ฐานพระพรหม เผยสัปเหร่อขายศพให้

(22 เม.ย.) อดีตเจ้าอาวาสจอมขมังเวทย์ วัดห้วยดินจี่ ให้ปากคำหลังขุดพบศพเด็กในโลงแก้ว สารภาพซื้อศพเด็กจากสัปเหร่อหญิงชื่อ ยายบุญ จากสุสานแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ขณะเดียวกันขยายผลขบวนการค้าศพ และชิ้นส่วนมนุษย์ให้กับวงการไสยศาสตร์มนต์ดำในเชียงใหม่
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ5 ร่วมกับ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผบช.ภ5 ได้เชิญตัว นายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เข้ามาให้ปากคำ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขุดค้นฐานพระพรหม ภายในวัดห้วยดินจี่ กระทั่งพบศพเด็กทารกถูกฝังเอาไว้ ตามที่นายเฉลิมได้กล่าวอ้าง
พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีตำรวจภูธรภาค5 ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ ได้มีการนำศพเด็กทารกมาฝังไว้บริเวณใต้ฐานพระพรหม ภายในวัด เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ และสะกดวิญญาณ จนเป็นที่หวาดผวาของชาวบ้าน
กระทั่งเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมาได้มีการนำตัวนายเฉลิม อดีตเจ้าอาวาสมายืนยันเรื่องดังกล่าว โดย นายเฉลิม สารภาพว่าได้มีการนำศพเด็กทารกมาฝังไว้จริง ต่อหน้าชาวบ้านในพื้นที่ กระทั่งเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ดอยหล่อ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงได้มีการเข้าตรวจสอบขุดค้นบริเวณใต้ศาลพระพรหมดังกล่าว
กระทั่งพบว่ามีซากศพเด็กทารกอยู่ใต้ศาลพระพรหมจริง โดยถูกบรรจุอยู่ในโลงแก้วโปร่งใส มีเสื้อผ้า ของเล่น และเงินธนบัตร จำนวนมากปกคลุมศพดังกล่าว โดยลักษณะของศพเด็กทารกดังกล่าวเป็นซากศพที่แห้ง มีการปิดทองทั่วตัว แต่ไม่สามารถระบุเพศหรืออายุที่แน่ชัดของศพดังกล่าวได้ หลังจากนั้นจึงได้นำศพเด็กทารกดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังแผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ก่อนจะมีการสืบสวนและดำเนินคดีต่อผู้มีส่วนรู้เห็น
ขณะที่ในวันนี้ จึงได้มีการเชิญตัว นายเฉลิม เพื่อมาให้ปากคำในกรณีดังกล่าว ซึ่ง นายเฉลิม ยอมรับว่าซื้อศพเด็กทารกมาจากสับเหร่อหญิง ทราบชื่อว่า นางบุญ จากสุสานแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในวงการไสยศาสตร์ และมนต์ดำในเชียงใหม่จะรู้จักดีเนื่องจากมีการติดต่อซื้อขายซากศพและชิ้นส่วนศพเพื่อนำไปทำเรื่องไสย์ศาสตร์มนต์ดำเป็นจำนวนมาก โดยซื้อศพทารกดังกล่าวมาในราคา 3 พันบาท ในวันเพ็ญเดือน 12 จึงได้ตั้งชื่อศพเด็กทารกรายนี้ว่าน้องวันเพ็ญ
ก่อนนี้ตั้งใจจะนำมาทำลูกกรอก หรือ กุมารทอง ของขลังขึ้นชื่อในด้านไสยเวทย์ แต่ศพที่ได้มานั้นมีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นมนุษย์ครบถ้วน จึงได้เปลี่ยนใจ นำเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วเป็นเวลาหลายปี กระทั่งเมื่อราวปี 2556 ได้มีแผนการก่อสร้างศาลพระพรหม เพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่ชาวบ้านภายในวัด จึงได้มีการประกอบพิธีบังสุกุลแก่ศพทารกวันเพ็ญและนำไปฝังใต้ฐานพระพรหมดังกล่าว ก่อนที่จะก่อสร้างศาลพระพรหมสมบูรณ์ โดยนายเฉลิมยังยืนยันว่า ทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตั้งใจจะให้ทารกวันเพ็ญไปสู่สุขคติตามความเชื่อของตน ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เป็นอาเพศหรือสะกดวิญญาณแต่อย่างใด และยังยืนยันว่า มีเพียงศพเดียวไม่มี ศพอื่นหรือชิ้นส่วนกระดูกอื่นอีกภายใต้ศาลพระพรหม ตามที่มีผู้แจ้งไว้แต่แรก
นอกจากนั้น นายเฉลิม ยังได้มีการฝาก ไปถึงบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ ที่ได้มีการประกอบพิธีไสยศาสตร์ มนต์ดำ ซึ่งนอกจากจะผิดวินัยสงฆ์ แล้วยังผิดกฎหมายอีกด้วย ควรหันไปทำในด้านพุทธคุณแทน เพื่อสืบสานพุทธศาสนา ไม่เป็นการเบี่ยงเบนคำสอน หรือเบียดเบียนมนุษย์ มิฉะนั้นก็อาจจะโดนเช่นเดียวกับตนได้
ขณะที่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงรอผลชันสูตรศพทารกดังกล่าว ซึ่งยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาอดีตเจ้าอาวาสจอมขมังเวทย์ได้ เนื่องจากต้องรอผลว่าศพทารกที่พบเป็นใครมาจากไหนลักษณะการเสียชีวิตผิดปกติหรือไม่ ซึ่งที่เด็กเสียชีวิตก่อนคลอด หรือเสียชีวิตหลังจากคลอดออกมา ก็จะมีความผิดแตกต่างกัน
โดยในเบื้องต้น นายเฉลิม จึงยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เนื่องจากยังไม่ได้มีการตั้งข้อหากับนายเฉลิม จนกว่าจะทราบผลชันสูตรที่แน่ชัดว่าศพดังกล่าว มีการตายอย่างผิดปกติหรือไม่ และเป็นการซุกซ่อนอำพรางศพหรือไม่ คาดว่าจะทราบผลชันสูตรอย่างสมบูรณ์ภายในวันพรุ่งนี้ (23 เมษายน)
ซึ่งอย่างไรก็ตาม ยังจะมีการสืบสวนเพิ่มถึงเครือข่ายที่เป็นกลุ่มผู้ค้าชิ้นส่วนศพมนุษย์ โดยเฉพาะสัปเหร่อหญิงที่มีการกล่าวอ้างถึงต่อไป