ผบ.ทบ.เชื่อ พลเอกเปรมพูด แค่ชวนไปเยี่ยม ยันไม่รับสัญญาณการเมืองใดๆ

ผบ.ทบ.เชื่อ พลเอกเปรมพูด แค่ชวนไปเยี่ยม ยันไม่รับสัญญาณการเมืองใดๆ

ผบ.ทบ.เชื่อ พลเอกเปรมพูด แค่ชวนไปเยี่ยม ยันไม่รับสัญญาณการเมืองใดๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงเช้าวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมายังกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก ดอนเมืองเพื่อเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ โดยจะติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์ความรุนแรง เพราะยังมีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ รวมถึงจะมีการปรับยุทธศาสตร์และกำลังอีกด้วย ซึ่งขอให้สังคมร่วมกันประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง เพราะการต่อสู้ด้วยความรุนแรงจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยภารกิจบนเทือกเขาบูโดนั้น จะทำให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะเป็นเทือกเขารอยต่อสี่จังหวัด


ส่วนเรื่องการวิจารณ์ การเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 เป็นพลโทวลิต โรจนภักดี นั้น เป็นคำวิจารณ์ที่แย่มาก ยืนยันว่าการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 ไม่มีปัญหาเรื่องความรู้ความสามารถแน่นอน เพราะตนรู้ปัญหาดีที่สุดและทุกคนในกองทัพบกต้องสามารถเติบโตได้ โดยถือเป็นการวางคนกับยุทธศาสตร์อนาคต จึงขอให้สังคมอย่าไปแสดงความคิดเห็นกันเอง อย่าวิจารณ์โยกย้ายดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องในกองทัพบก ยืนยันว่าทหารทำงานเป็นระบบมีโครงสร้างหน้าที่ชัดเจน ไม่มีทหารสายบูรพาพยัคฆ์ หรือวงศ์เทวัญ ทหารมีพวกเดียว ใครเล่นพวกไม่ให้โต ยืนยันการวิจารณ์พลโทวลิต โรจนภักดี จากเหตุการณ์ปี 53 เป็นแค่เศษเสี้ยวของงานที่ทำ จึงขอให้อย่าไปมองจุดเล็กๆแล้วนำไปวิจารณ์ ต้องมองที่การทำงานถ้าทำไม่ได้ก็พร้อมย้ายตำแหน่งใหม่


ส่วนกรณีที่องค์กรอิสระจะเสนอทางออกประเทศในวันนี้นั้น ยืนยันว่า ใครสามารถทำอะไรก็ได้ โดยหากทำแล้วไม่ฝืนกฏหมาย มีความสงบ เป็นวิธีการที่ไม่ฆ่าไม่รบกันและสามารถยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ แต่ขออย่านำทหารไปเกี่ยวข้อง


ทั้งนี้พลเอก ประยุทธ์ยังกล่าวถึง กรณีที่พลเอกเปรมกล่าวให้ตนไปอ่านถ้อยคำหลังอนุสาวรีย์พลเอกกฤษณ์ สีวะรา ว่า ไม่มีปัญหาอะไร และก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นแค่จัดตั้งอนุสาวรีย์ โดยพลเอกกฤษณ์ สีวะรา เป็นคนทำประโยชน์ ส่วนคำพูดนั้นคิดว่าพลเอกเปรม คงพูดในทำนองให้ตนไปเยี่ยม แต่คนในสังคมกับวิจารณ์ ว่าเป็นการพูดเพื่อให้รับสัญญาณทางการเมืองบางอย่าง จึงขอยืนยันว่าไม่รับสัญญาณใครทั้งนั้น โดยพลเอกเปรมถือเป็นผู้ใหญ่ ที่กองทัพบกทุกคนเคารพนับถือ หากมีอะไรก็สามารถสื่อสารได้โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องพูดสื่ออย่างนั้น ไม่เชื่อว่าท่านเชื่อเช่นนั้นจริง ซึ่งส่วนตัวตนอ่านข่าวแล้วก็ไม่สบายใจ ก็ขอให้อย่าวิจารณ์กันเยอะเกินไป เพราะทหารไม่ทำงานบนพื้นฐานของความเกลียดชัง และไม่เคารพกฏหมายไม่ได้


ส่วนเรื่อง การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น ถือเป็นอำนาจของรัฐบาล ที่จะให้ใครรับผิดชอบ โดยรัฐบาลได้ให้ตำรวจดูแล และทหารเป็นเพียงผู้ช่วยเจ้าพนักงาน จึงขึ้นกับรัฐบาลจะตัดสินใจ อย่างไร



นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีการจัดตั้งประธาน นปช.คนใหม่ ว่าโดยส่วนตัวแล้วตนไม่ให้ความสำคัญ เชื่อว่าทุกฝ่ายล้วนกระทำเรื่องที่ผิดกฏหมาย โดยในอนาคตเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต้องถูกดำเนินคดีหมด โดยฝ่ายนายจตุพร พรหมพันธ์ ก็มีคดีเยอะ ซึ่งการประกาศว่าจะมารบกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือ สู้กับเจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำไม่ได้ โดยตนไม่ได้ท้าทาย แต่จะไม่ยอมให้ใครประกาศใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าต่อสู้สามารถทำได้ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ เท่านั้น


โดยการที่กองทัพบกฟ้องกับเสื้อแดง ไม่ใช่เพราะกองทัพเลือกปฏิบัติ แต่ต้องดำเนินคดีเพราะกองทัพบกถูกใส่ร้าย ยืนยันว่าตนไม่อยากขัดแย้งกับใคร และไม่ใช่ศัตรูกับใคร แต่ต้องนำพากองทัพ โดยหากกลุ่ม กปปส.ประกาศจะแยกประเทศ ตนก็ไม่ยอมเช่นกัน ทั้งนี้จะไม่คุยหรือเจรจาใดๆกับประธาน นปช. ทั้งสิ้นเพราะไม่มีเกียรติเพียงพอ ตนไม่ให้เกียรติและรู้สึกสงสารคนที่เชื่อแกนนำดังกล่าว โดยขอฝากไว้ว่าอะไรที่เห็นว่าไม่ดีให้ใช้วิธีการฟ้องร้องในกรอบของกฏหมาย เชื่อว่าคนพวกนี้เป็นผู้นำคนไม่ได้ เพราะเลือกใช้วิธีการที่ผิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook