โจรควงปืนบุกเดี่ยวธ.กสิกรวงเวียน22เชิดเงิน7แสน

โจรควงปืนบุกเดี่ยวธ.กสิกรวงเวียน22เชิดเงิน7แสน

โจรควงปืนบุกเดี่ยวธ.กสิกรวงเวียน22เชิดเงิน7แสน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คนร้าย บุกเดี่ยวชิงเงิน ธนาคารกสิกรไทย สาขาวงเวียน 22 กรกฎา เชิดไป 8 แสนบาท ควบบิ๊กไบค์หลบหนีไปทางแยกนพวงศ์ จนท.เร่งสอบ CCTV ตร.ไม่สรุปคนร้ายสวมทะเบียนปลอม

พ.ต.อ.กิตติ เอกสิงห์ไชย พนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. รับแจ้งเหตุบุกชิงเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาวงเวียน 22 กรกฎา เจ้าหน้าที่รุดตรวจสอบ ทราบเบื้องต้น คนร้ายเป็นชาย 1 ราย สวมหมวกกันน็อก สวมใส่ชุดยีนส์สีดำ สะพายกระเป๋าเป้ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิงขึ้นฟ้า แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยจากการสอบถามผู้เสียหาย ทราบว่าคนร้ายได้เงินสดไปจำนวน กว่า 7 แสนบาท จากนั้นขี่รถจักรยายนต์บิ๊กไบค์ สีดำ ทะเบียน อฉธ 978 กทม. หลบหนีไปทางแยกนพวงศ์ ล่าสุด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสกัดจับคนร้าย และเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด

ด้าน พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 1 และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบธนาคารกสิกรไทย สาขาวงเวียน 22 กรกฎา เพื่อหาหลักฐานและสอบปากคำพยานแวดล้อม หลังได้รับแจ้งเหตุคนร้าย นำอาวุธปืน บุกปล้นธนาคาร เมื่อเวลาประมาณ 15.28 น.

เบื้องต้นจากการตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างสันทัด สวมถุงมือ/ หมวกไหมพรม / เสื้อแจ๊กเก้ต และสะพายกระเป๋าเป้ สีดำ ควงปืนเดินเข้ามาก่อนธนาคาร ปิด 2 นาที พร้อมกับยิงปืนขึ้นเพดาน เพื่อทั้งได้ข่มขู่พนักงานธนาคาร ก่อนจะกระโดดเข้าไปกวาดเงินประมาณ 800,000 บาท ภายในเคาน์เตอร์ และขี่จักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่น CBR สีดำ หมายเลขทะเบียน อฉธ 978 กรุงเทพฯ หลบหนีไปทางโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุทั้งหมดไม่เกิน 5 นาที

ทางด้าน พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่า เบื้องต้นสามารถเก็บหลักฐานหัวกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุได้ ทำให้ทราบว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ คือ ขนาด 9 ม.ม. ส่วนทางด้านข้อมูลการตรวจสอบทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ ที่พบว่าไม่ตรงกันนั้น ตำรวจไม่ด่วนสรุปว่าคนร้ายสวมเลขทะเบียนรถ แต่ขอตรวจสอบตำหนิรูปพรรณและการดัดแปลงของรถจักรยานยนต์ก่อน คาดว่าไม่นานคดีจะได้รับความกระจ่าง

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook