พรีเมียร์ลีก ที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์...?

พรีเมียร์ลีก ที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์...?

พรีเมียร์ลีก ที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์...?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ตั้งแต่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดฉากเมื่อกลางเดือนสิงหาคม ฟอร์บส์ นิตยสารด้านธุรกิจและการเงินระดับโลกก็ทำการเกาะติดสถานการณ์ โดยอาศัยโปรแกรมคำนวณเชิงสถิติเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การลุ้นแชมป์ในแต่ละช่วงเวลามาถึงปัจจุบันหลังจากผ่านพ้นไปแล้ว 26 นัด หรือราว 2 ใน 3 ของฤดูกาล

ฟอร์บส์พยายามจะหาคำตอบว่า ที่บรรดาเกจิลูกหนังหลายสำนักบอกว่า พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อาจกำลังเข้าสู่ภาวะการเบียดแย่งแชมป์ที่สูสีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งลีกมานั้น จริงเท็จอย่างไร?


ในทางทฤษฎีทีมอันดับรองๆ อย่าง เอฟเวอร์ตัน (อันดับ 6 และเตะน้อยกว่า 1 นัด) หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 7) อาจจะยังสามารถไล่แซงทีมหัวๆ ตารางก้าวขึ้นไปชูถ้วยอย่างสนุกตื่นเต้นได้ก็จริง แต่หากมองในทางปฏิบัติควบคู่ไปด้วยแล้ว ขณะนี้น่าจะเหลือทีมที่พอจะมีลุ้นแชมป์อยู่จริงๆ ราว 5 ทีม คือ เชลซี, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์



ระยะห่างระหว่างทีมหัวตารางกับทีมอันดับ 5 อยู่ที่ 7 คะแนนเท่านั้น หรือหากไม่นับสเปอร์ส ทีมท็อปโฟร์ก็จะมีแต้มห่างกันเพียง 4 คะแนน

พิจารณาในแง่ความ "สูสี" เมื่อเปรียบเทียบกับฤดูกาล 2001-02 คราวนั้นอันดับ 1-4 มีคะแนนต่างกันเพียงแค่ 3 แต้ม (นิวคาสเซิล 52, แมนฯยู 51, อาร์เซน่อล 51 และลิเวอร์พูล 49) แต่ถ้านับอันดับ 5 เข้าไปด้วย ก็ถือว่าเหนือกว่า เพราะเมื่อปี 2002 ระยะห่างของทีมท็อปไฟฟ์อยู่ที่ 8 คะแนน

หรือหากวัดด้วยการเปรียบเทียบคะแนนกับผลงานที่ดีที่สุดในอันดับนั้นๆ แล้ว น่าสนใจตรงอันดับที่ 4-6 ล้วนเป็นการทำลายสถิติทั้งสิ้น โดยหงส์แดงมี 53 คะแนน ทำลายสถิติอันดับ 4 ที่ดีที่สุดหลังผ่าน 26 นัด ของ แอสตัน วิลล่า ที่เคยทำไว้ 51 คะแนนในฤดูกาล 2008-09 ส่วน 50 คะแนนของสเปอร์ส



ก็ดีกว่าทีมอันดับ 5 ที่ผ่านๆ มาของพรีเมียร์ลีกถึง 4 คะแนน และท็อฟฟี่เมน (45 คะแนน) ขนาดเหลือเกมในมือ ก็ยังทำผลงานได้เหนือกว่าวิลล่าซึ่งเคยเป็นอันดับ 6 ที่ดีที่สุดเมื่อฤดูกาล 2007-08 อยู่ 1 แต้ม

ผิดกับพวกอันดับต้นๆ ซึ่งล้วนห่างไกลจากสถิติที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งจ่าฝูงซึ่งเชลซีชุดนี้ (57 คะแนน) ต่างจากเมื่อฤดูกาล 2005-06 ที่พวกเขาโกยไปแล้วถึง 66 คะแนนจาก 26 นัด ส่วนสถิติอันดับ 2 ปีศาจแดงเคยทำสถิติไว้ดีที่สุด 61 คะแนน ในฤดูกาล 2011-12 ต่อให้แมนฯซิตี้ชนะในนัดตกค้างกลายเป็น 57 คะแนน ก็ยังเทียบไม่ได้ ขณะที่สถิติอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเป็นของเชลซีเมื่อฤดูกาล 2007-08 เคยทำไว้ 55 คะแนน กรณีเรือใบสีฟ้าแซงปืนใหญ่ขึ้นไปเป็นที่ 2 ผลงาน 56 คะแนนของอาร์เซน่อลก็จะกลายเป็นสถิติใหม่ของอันดับ 3 ที่ดีที่สุดทันที

เหล่านี้ย่อมยืนยันให้เห็นถึงความ "สูสี" ระหว่างทีมท็อปทรีกับทีมอันดับ 4-6 ได้อย่างน่าสนใจว่า ทีมรองๆ ต่างถีบตัวเองขึ้นมาจนมีลุ้นแย่งแชมป์ได้ในระยะหวังผลโดยพร้อมเพรียงกัน

ทีนี้ลองมาพิจารณาถึงโอกาสและแนวโน้มเชิงสถิติเรื่องแมนฯยูไนเต็ดจะก้าวไปป้องกันแชมป์กันบ้าง ตอนนี้แมนฯยูอยู่อันดับ 7 ตามหลังจ่าฝูงถึง 15 คะแนน จากสถิติพรีเมียร์ลีก 18 ฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์เลยที่ทีมอันดับ 7 จะร่นระยะไปจนเป็นแชมป์ในช่วง 1 ใน 3 ของฤดูกาลที่เหลือได้



ในทางตรงข้าม จาก 18 ฤดูกาล มีเพียง 2 ฤดูกาลคือ 2000-01 และ 2012-13 ที่ระยะห่างของคะแนนเหลือเท่าเดิม แต่อีก 16 ฤดูกาลที่เหลือ ทีมแชมป์ยิ่งทิ้งระยะห่างจากอันดับ 7 ออกไปทั้งสิ้น

แต่หากดูกันแค่ผลงานของทีมอย่างเดียว แมนฯยูเคยสร้างประวัติศาสตร์สุดร้อนแรงอย่างการโกย 34 คะแนน จาก 12 นัดที่เหลือ หรือพลาดไปเพียง 2 แต้มมาแล้วเมื่อฤดูกาล 1999-2000 หมายความว่าในทางทฤษฎีและทางสถิติสำหรับปีศาจแดงยังหลงเหลือความเป็นไปได้ที่ปีศาจแดงจะปิดฤดูกาลด้วยคะแนนรวม 78-80 คะแนน และแรงขึ้นคว้าแชมป์ (โดยลุ้นให้ทีมอื่นสะดุดกลางทางพร้อมๆ กัน)


แต่ต้องไม่ลืมว่า แมนฯยู ณ เวลานั้น คนกุมบังเหียนคือ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้มีทั้งบารมี ประสบการณ์ และชื่อเสียงกับผลงานยิ่งใหญ่มหาศาล ขณะที่แมนฯยูของ เดวิด มอยส์ ในตอนนี้ออกจากห่างไกลจากเป้าหมายที่ทุกคนคาดหวังอยู่มาก

เอาแค่ติดอันดับท็อปโฟร์คว้าตั๋วลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ดูจะมีความเป็นไปได้ที่น่าคาดหวังมากกว่า!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook