'โด่ง อรรถชัย' สอนน้อง 'ตั๊ก บงกช' โพสต์ไม่เห็นด้วยกับเลือกตั้ง

จากกรณีที่ดาราสาวชื่อดัง ตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว @takbongkod แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมือง โดยไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ. 57 นี้ เนื่องจากเลือกไปก็มีแต่พวกแย่ๆ มาบริหารประเทศ รวมไปถึงมีการกล่าวหาว่า พวกที่สนับสนุนรัฐบาลต่างหากที่บ้า ไม่ใช่กลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล ทั้งเรื่องของเงินกู้, โครงการรับจำนวนข้าว ฯ นั้น 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ดาราชื่อดัง อรรถชัย อนันตเมฆ หรือ โด่ง อรรถชัย ได้ออกมาแสดงความเห็น พร้อมชี้แจงในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ตอบโต้ดาราสาวตั๊ก บงกช ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Attachai Anantameak โดยระบุว่า ตั๊ก บงกช ออกมาโพสต์ในไอจี ว่า "สำหรับฉันฉันว่ามันก็ได้แต่พวกแย่ๆ เหมือนเดิม เราไม่อยากได้รัฐบาลเดิม เราอยากได้ คนที่คนส่วนมากต้องการ"

"ตั๊กยังพูดเรื่อง เงินกู้ของรัฐบาล และโครงการรับจำนำข้าวว่า เรื่องกู้เงินอีก อยากให้ลูกหลานเป็นหนี้ และที่ผ่านมา ข้าวไทยไม่ได้ราคา ทั้งที่เคยดี ทำไมไม่ทำแบบเดิม เปลี่ยนทำไม ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่ จะทำเป็นไม่รู้อยู่ได้ ประชาชนที่ออกมาไม่ได้บ้า แต่พวกผู้ใหญ่ที่พยายามช่วยรัฐตะหากที่บ้า"

น้องตั๊กเข้าใจผิดบางประเด็น ...

น้องตั๊กไม่รู้ว่า "เงินกู้ที่น้องตั๊กพูด รัฐบาลกู้จากธนาคารภายในประเทศ ซึ่งเอาเงินฝากของคนไทยมาให้กู้ หมายความว่า รัฐบาลจะเป็นหนี้คนไทยในประเทศไม่ใช่ต่างประเทศ" สุดท้ายจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขนานใหญ่ วันหน้าดอกเบี้ยเงินฝากของน้องตั๊ก สูงขึ้น น้องต้องรู้นะว่า เพราะโครงการนี้

เรื่องจำนำข้าว แบบเก่าที่น้องตั๊กว่า คือ โครงการประกันราคาข้าว ซึ่งเขาจะนำภาษีของตั๊ก และ พี่ ไปจ่ายให้ชาวนา แทนนายทุนค้าข้าว นายทุนค้าข้าวยังซื้อถูกไปขายแพงเช่นเดิม สุดท้ายจะไม่มีผลอะไรกับกลไกการตลาด "ตั๊กกับพี่ต้องจ่ายภาษี อุดหนุนชาวนาจนตายนะ" เอาไหม

น้องตั๊ก ออกมาบอกว่า "ไม่เคยมีคนไทยออกมาเยอะขนาดนี้ ในเมื่อมีแล้ว หัดยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงบ้าง" อันนี้พี่เห็นด้วยกับตั๊กจริงๆ "เราควรทำตามเสียงของคนส่วนใหญ่" และยอมรับความเปลี่ยนแปลงบ้าง จึงอยากชักชวนตั๊ก มาทำให้เสียงของคนส่วนใหญ่ให้มีผลเป็นรูปธรรม คือ มีกฎหมายรองรับ ในระบอบประชาธิปไตย กฎหมายเลือกตั้งรองรับเสียงส่วนใหญ่ ถึงขนาดเปลี่ยนรัฐบาลได้เลย

ดังนั้น ตั๊กกับพี่ เราควรสนับสนุนการเลือกตั้ง ตั๊ก อาจะไม่เชื่อมั่นการเลือกตั้ง เพราะระแวงว่า "คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศจะถูกซื้อเสียง" พี่มีข้อมูลที่ตั๊กอาจไม่รู้มาบอก ให้ตั๊กคลายกังวลครับ ตั๊กครับ ตั้งแต่ ปี 2540 กระทรวงมหาดไทยลดงบประมาณของการรณรงค์ ให้คนไปเลือกตั้งลงเรื่อยๆ เพราะประชาชนตื่นตัวต่อการใช้สิทธิ์ มากขึ้น เรื่อย ๆ

ตั๊ก สังเกตไหมครับว่า ภาคเหนือ อีสาน เลือกตั้งทีไร เพื่อไทยได้คะแนนทิ้งขาดคู่แข่งอย่างถล่มทลาย คะแนนเลยครึ่งไปมาก หลายแห่งที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตั๊ก สงสัยไหมครับ ว่าคนซื้อเสียงเขาจะใช้เงินซื้อเสียง ที่เกินครึ่งไปมากๆ ทำไมให้เปลืองครับ ตั๊ก ครับ จากข้อมูลของ กกต. การเลือกตั้งปี 2554 ประชาธิปัตย์ใช้เงินไป 165,420,868.94 บาท พรรคเพื่อไทย ใช้เงินไป 93,846,296.45 บาท

ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 อ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า ภาคที่มีการซื้อเสียงได้ผลที่สุด คือ ภาคใต้ และภาคกลาง คนที่จบปริญญาโทขึ้นไป เลือกพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์

ผลวิจัยการเลือกตั้งปี 2554 ของอาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ บอกว่า การซื้อเสียงการเลือกตั้งมีผลแค่ร้อยละ 5 และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้งใหญ่ ที่คนเลือกที่พรรคตามอุดมการณ์ตัวเอง

ย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง ปี 50 ภายใต้การปกครองของ รัฐบาล ขิงแก่ แม้จะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ไม่ได้มาโดยแนวทางประชาธิปไตย แม้แต่รู้ว่า การเลือกตั้งภายใต้ปากกระบอกปืนนั้น มันมีโอกาส ที่จะไม่บริสุทธิ โปร่งใส่ และอาจเป็นโอกาสให้ รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง "ฟอกตัว" แต่ดาราทั้งหลาย ก็พร้อมใจออกมารณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ

การเลือกตั้ง คือตัดสินปัญหา เป็นทางออกของปัญหาการเมือง ที่ชาติไทยจะไม่เสียหาย และเป็นไปโดยสันติภาพ หากเราต้องการความสงบ หยุดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงของฝ่ายไหน เราควรสนับสนุนการออกเสียง และควรเคารพเสียส่วนใหญ่ร่วมกัน เพื่อให้ทุกอย่างมีบทสรุปด้วยความยุติธรรมร่วมกัน ถวายแผ่นดินที่สงบร่มเย็น เพื่อในหลวงของเรา ด้วยความจงรักษ์ภักดีอย่างแท้จริง ตั๊กว่าดีไหม ครับ