นายกฯแจงUNHRCหนุนเสรีภาพไม่ใช่แค่การเมือง

นายกฯแจงUNHRCหนุนเสรีภาพไม่ใช่แค่การเมือง

นายกฯแจงUNHRCหนุนเสรีภาพไม่ใช่แค่การเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ แจง UNHRC ไทยหนุนเสรีภาพ ไม่ใช่แค่การเมืองแต่ต้องให้ความสำคัญกับสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม ครอบคลุมการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่มีการกีดกันหรือแบ่งแยก

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวสุนทรพจน์ที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า รู้สึกภูมิใจมากที่เป็นนายกฯ ไทยคนแรก ที่ได้มากล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ที่บอกว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม โดยปัจจุบันนี้ มีสิ่งที่มนุษย์สามารถใช้แสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพได้มากขึ้น ทุกฝ่ายจะต้องรับฟังและทำสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องให้เป็นจริง ดังนั้นเรื่องสิทธิมนุษยชนจะพูดอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องทำให้เห็นผลที่จะให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำไม่ได้ในเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งนี้ไทยได้พยายามในการที่จะส่งเสริมความช่วยเหลือทางเทคนิคและเพิ่มศักยภาพ ในการยกระดับการดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการเมืองเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม โดยย้ำว่าสิทธิมนุษยชนต้องครอบคลุมการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่มีการกีดกันหรือแบ่งแยก และในฐานะนายกฯ หญิงคนแรก รับรู้ได้ถึงกลุ่มอ่อนแอในสังคม คือ เด็กและสตรี ที่ขาดโอกาส ที่ตกเป็นเหยื่อทางสังคม การค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยได้จัดตั้งศูนย์ OSCC เพื่อคอยเข้าไปดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม ป้องกันความรุนแรงทางเพศและในครอบครัว พร้อมทั้งยังสนับสนุนเพิ่มเติมกับกองทุนอาสาเพื่อความร่วมมือทางเทคนิคด้านสิทธิมนุษยชนประเทศไทย แปลว่า ดินแดนแห่งเสรีภาพ ไทยจึงสนับสนุนแนวคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพของสหประชาชาติ อย่างสุดความสามารถ

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า จะสนับสนุนแนวคิดที่ระบุว่า มนุษย์ทุกคนกำเนิดมาโดยเสรี มีความเท่าเทียมกัน ทางสิทธิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของสหประชาชาติ

 

ยิ่งลักษณ์ ระบุ ผู้มีอำนาจต้องไม่ยึดติดอำนาจ

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ โดยย้ำว่า ไทยจะยึดมั่นเคียงคู่กับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC เชื่อว่า มนุษย์ต่างเกิดมา ก็มีเสรีภาพ และมีสิทธิและศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน พร้อมยืนยันว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่เป็นการใช้อำนาจในวิถีทางที่เคารพต่อเสียงส่วนน้อย ซึ่งในยุคการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้ถูกกดขี่มีเครื่องมือใหม่ ที่จะแสดงออกถึงความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลง หากรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองต่อความปรารถนาของประชาชน ย่อมต้องเผชิญกับผลกระทบ ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในอำนาจต้องไม่ยึดติดกับอำนาจและไม่นำความต้องการของใครคนใดคนหนึ่งยัดเยียดให้กับผู้อื่น พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะปกป้องประชาธิปไตยจากผู้ที่มีจิตใจไม่เป็นประชาธิปไตย

 

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook