ปิดคดีแหม่มเกาะพะงัน ฆาตกรร้านรับสักจนมุม แค้นเหยื่อปากไว-ต้องฆ่า!

ปิดคดีแหม่มเกาะพะงัน ฆาตกรร้านรับสักจนมุม แค้นเหยื่อปากไว-ต้องฆ่า!

ปิดคดีแหม่มเกาะพะงัน ฆาตกรร้านรับสักจนมุม แค้นเหยื่อปากไว-ต้องฆ่า!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว สิทธิพงษ์ เจริญใจ เรื่อง/ภาพ ความจริงแล้วคดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน นายทิวิตต์คือคนร้ายที่ลงมือสังหารนางแอสทริก เพราะไม่พอใจที่แหม่มสาวผู้นี้ ไปพูดให้ร้ายจนทำให้ถูกเกลียดชัง อีกทั้งยังทำให้นายทิวิตต์ ต้องผิดใจกับแฟนสาวจนถึงขั้นทะเลาะกัน ซึ่งนายทิวิตต์อ้างว่านางแอสทริกมาหลงรักและชอบสร้างความเดือดร้อนให้ เลยโมโหวางแผนฆ่าจนตาย แต่สุดท้ายก็หนีตำรวจไม่พ้น คือ คำกล่าวปิดคดีของ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. ภายหลังนำกำลังตำรวจกองปราบปราม ร่วมกับตำรวจอ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จับกุมตัว นายทิวิตต์ หรือ "อู๊ด" เกษมโภค อายุ 29 ปี ช่างสักลายและเพนต์ตัวแห่งร้าน TATTOO ในเกาะพะงัน ที่ลงมือสังหารนางแอสทริก อัล แอสซาด ชาเนอร์ นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ทิ้งศพหมกหาดพะงันเอาไว้ได้ "ทิวิตต์" คือคนร้ายคดีฆ่าแหม่ม!! การตายของนางแอสทริก ดูเผินๆ เหมือนถูกฆ่าข่มขืน เพราะศพถูกนำมาทิ้งไว้ริมหาดในสภาพเปลือยกายท่อนบน แต่พอเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผล กลับพบว่าผู้ตายไม่ได้ถูกฆ่าในที่เกิดเหตุ ถูกฆ่ามาจากที่อื่นแล้วเอาศพมาทิ้งไว้เพื่ออำพรางคดี กระทั่งตำรวจสืบรู้มาว่าก่อนตายนางแอสทริก ได้ไปดื่มเหล้าในงานปาร์ตี้ที่ร้านนายทิวิตต์ก่อนจะถูกฆาตกรรม เมื่อหลักฐานมัดแน่น "ทิวิตต์" จึงจนมุมแต่โดยดี ย้อนไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังมีคนพบศพนางแอสทริก อัล แอสซาด ชาเนอร์ อายุ 45 ปี สัญชาติเยอรมัน ถูกคนร้ายฆ่าตายในสภาพศพท่อนบนเปลือย นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ที่ลำคอมีรอยเขียวช้ำ โหนกแก้มซ้ายมีรอยคล้ายถูกกัด มีบาดแผลที่หลังมือขวาและข้อมือซ้าย เป็นศพเกยหาดบ้านในวก ม.1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน สยองตอนเช้าตรู่วันที่ 11 มกราคม!! หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.จรูญ อุชุภาพ ผกก.สภ.เกาะพะงัน พ.ต.ท.สมศักดิ์ หนูรอด สารวัตรเวรฯ รุดมาชันสูตรพลิกศพ พบว่าการตายของนางแอสทริก ดูเผินๆ เหมือนกับถูกข่มขืนจากพวกขาจร หรือไม่ก็ลูกเรือหื่น แต่ทว่าน่าแปลกใจตรงที่คนร้ายไม่ยอมแตะต้องทรัพย์สินในตัวผู้ตายแม้แต่ชิ้นเดียว เครื่องประดับ อาทิ สร้อยข้อมือ แหวนและเงินสดยังอยู่ครบ ผิดวิสัยโจรทั่วไปยิ่งนัก!! พยานที่พบศพเป็นคนแรก ให้การว่า ตอนช่วงเช้าเตรียมตัวออกหาปลาในทะเล สังเกตเห็นที่ชายหาดมีคนนอนอยู่ คิดว่ามาเล่นน้ำทะเล จึงไม่ได้สนใจอะไร พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นเป็นผู้หญิงชาวต่างชาติ นอนไม่สวมเสื้อ นุ่งแต่เพียงกางเกง คิดว่าน่าจะเกิดเหตุร้าย เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ตำรวจมาชันสูตรพลิกศพ พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผบก.สุราษฎร์ธานี สั่งเดินหน้าล่าตัวไอ้โหด ตามแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ทราบมาว่า นางแอสทริกเดินทางมาเที่ยวที่เกาะพะงันตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2551 เช่าบ้านชื่อกัลยาณีโฮม ตั้งอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอเกาะพะงัน พักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งเจ้าของบ้านเช่าให้เบาะแสว่า ผู้ตายมีนิสัยร่าเริง ชอบทะเล ต้นไม้และธรรมชาติที่เกาะพะงัน เดินทางมาเที่ยวเกาะพะงันทุกปี ในแต่ละครั้งจะมาพักนานประมาณ 3-4 เดือน ครั้งนี้ผู้ตายมาพักได้ครบ 1 เดือนพอดีก่อนจะถูกฆ่าตาย ขณะเดียวกันตำรวจก็ได้รับรายงานผลการชันสูตรพลิกศพจากแพทย์ร.พ.เกาะพะงัน ยืนยันว่า จากการผ่าพิสูจน์ไม่พบว่ามีน้ำในปอด นั่นแสดงว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตเพราะจมน้ำ อวัยวะเพศก็ไม่มีร่องรอยการข่มขืน แต่ที่บริเวณลำคอมีรอยแดงช้ำคล้ายถูกบีบรัด สาเหตุการตายจึงน่าจะมาจากการถูกบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจ นั่นแสดงว่าแหม่มแอสทริกไม่ได้ถูกฆ่าตรงจุดนอนตาย!!? ประเด็นฆ่าข่มขืนถูกตัดทิ้งโดยปริยาย ตำรวจจึงคลำหาข้อมูลจากพยานทั่วไป กระทั่งพบว่าก่อนตายนางแอสทริกได้ไปนั่งดื่มกินที่ร้านรับสัก TATTOO ที่นายทิวิตต์ทำงานอยู่ ซึ่งที่นั่นมีการจัดฟูลมูนปาร์ตี้กัน มีนักท่องเที่ยวเข้ามานั่งที่ร้านประมาณ 20-30 คน โดยก่อนหน้านี้นางแอสทริก แอบชอบนายทิวิตต์มานานแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่ค่อยชอบนิสัยเพราะนางแอสทริกมักจะคอยพูดให้ร้ายเสมอ และที่สำคัญ ก่อนเป็นศพมีพยานเห็นนายทิวิตต์พานางแอสทริกขึ้นรถกระบะขับหายไป ก่อนที่จะมาตายกลายเป็นศพริมทะเล เป้าจึงพุ่งไปที่นายทิวิตต์ทันที เมื่อทุกอย่างเข้าเค้าตำรวจกองปราบปรามที่ได้รับการประสานให้ร่วมคลี่คลายคดีจึงเดินทางลงพื้นที่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒนะกุล ผกก.5 ป. พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย สว.กก.5 ป. พร้อมกำลัง ร่วมกับพ.ต.อ.จรูญ อุชุภาพ ผกก.สภ.เกาะพะงัน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี และสืบสวนภาค 8 นำตัวนายทิวิตต์มาสอบปากคำวันรุ่งขึ้น ตอนแรกหมอนี่ทำอ้ำอึ้งไม่พูดอะไร แต่เมื่อถูกเค้นสอบมากๆ จึงยอมรับสารภาพโดยปริยาย อ้างว่าในคืนเกิดเหตุที่ร้านจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ชวนเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมงาน รวมทั้งผู้ตายก็มาร่วมงานด้วย โดยปกติแล้วผู้ตายก็จะมาเที่ยวที่ร้านประจำ เพราะหลงรักตนเอง แต่ตนไม่สนใจ ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้พูดใส่ร้ายให้เพื่อนชาวต่างชาติด้วยกันฟัง ว่าตนเป็นคนนิสัยไม่ดี ทำให้กลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติเข้าใจผิด นายทิวิตต์ ให้การอีกว่า พฤติกรรมของนางแอสทริก ทำให้ตนโกรธแค้นมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ผู้ตายก็เคยพูดกับแฟนสาวของตนเองจนทำให้แฟนสาวบอกเลิกกับตนมาแล้ว จึงวางแผนชวนผู้ตายนั่งรถกระบะออกจากร้านเพื่อไปดื่มกันสองต่อสอง และพาผู้ตายไปในสวนมะพร้าวห่างจากร้านประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อถึงที่เกิดเหตุผู้ตายคิดว่าจะขอมีเพศสัมพันธ์ จึงถอดเสื้อออก ตนสบโอกาสจึงกระโดดทับ ก่อนลงมือบีบคอจนขาดอากาศหายใจ หลังจากนั้นจึงนำร่างผู้ตายไปโยนทิ้งทะเล และไปแวะซื้อน้ำมันก๊าดมาเผาเสื้อผู้ตาย ก่อนกลับไปนั่งดื่มต่อที่ร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมจนได้ ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาทันที ทำผิดก็ต้องรับโทษแบบนี้!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook