DSIบุกรพ.นวมินทร์9สอบซูโด-ผช.บริหารแจงซื้อเกิน3แสนเม็ด

DSIบุกรพ.นวมินทร์9สอบซูโด-ผช.บริหารแจงซื้อเกิน3แสนเม็ด

DSIบุกรพ.นวมินทร์9สอบซูโด-ผช.บริหารแจงซื้อเกิน3แสนเม็ด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ รักษาการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษฝ่ายชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เดินทางเข้าตรวจสอบความชัดเจน เกี่ยวกับกรณีการสั่งซื้อยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน เมื่อปี 2554 ซ้ำซ้อนกัน ของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้ ดีเอสไอ ได้เชิญตัวหัวหน้าเภสัชกรของโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 และ โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 รวมไปถึงคลินิกเวชกรรมในเครืออีก 13 แห่ง เข้าชี้แจง และได้ข้องสรุปว่าการสั่งซื้อที่มีลักษณะซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 เป็นศูนย์กลางในการจัดซื้อยา ก่อนจะกระจายให้กับโรงพยาบาล และสถานพยาบาลในเครือ จึงทำให้การจัดซื้อยามีการออกใบสั่งซื้อซ้ำซ้อนกัน ขณะที่ นายยุทธภูมิ มีประดิษฐ์ ผู้ช่วยฝ่ายบริหารโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ในฐานะผู้ดูแลการสั่งซื้อยาระบุว่าการแจ้งยอดการสั่งซื่อยาของ บริษัท อินเตอร์ แลบ บอราทอรี่ จำกัด และ โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ให้กับ อย.ไม่ตรงกัน เพราะบริษัทตัวแทนจำหน่ายได้นำยอดสั่งซื้อของทั้ง 2 โรงพยาบาลรวมกัน จำนวน 650,000 เม็ด แต่โรงพยาบาลแจ้งเฉพาะส่วนของโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ที่สั่งซื้อไป 350,000 เม็ด ซึ่งทางบริษัทก็ยอมรับว่า มีการแจ้งข้อมูลที่ผิดพลาด และได้ทำหนังสือชี้แจงถึง อย.อีกครั้งแล้ว DSIยันแก้หวัดหายส่งชายแดนเหนือผลิตยาบ้า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการตรวจสอบขบวนการเส้นทางของยาซูโดอีเฟดรีน ที่รั่วไหลออกจากระบบว่า จากข้อมูลพบว่า ยาซูโดอีเฟดรีน ถูกลักลอบไปใช้เป็นสารตั้งต้นผลิต เป็นยาบ้า ตามประเทศเพื่อนบ้านริมแนวชายแดนทางภาคเหนือ ซึ่งยังไม่มีรายงานในภาคอื่น โดยต่อจากนี้ไป จะเร่งเดินหน้าตรวจสอบในเชิงลึก เพื่อตรวจสอบหาขบวนการเดินยา การลักลอบผลิต และสอบขยายผล หากพบบุคคลใดก็จะว่าไปตามข้อเท็จจริง นอกจากนี้ จะใช้มาตรการพิเศษตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การตรวจสอบกระแสการเงิน การตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ และความสัมพันธ์เชื่อมโยงต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ และในขณะนี้พบผู้กระทำผิดส่วนหนึ่งแล้ว เหลือเพียงการสอบขยายผลเพื่อติดตามผู้ร่วมขบวนการทำความผิดมาดำเนินคดี ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐ เกี่ยวข้องมากน้อย หรือหน่วยงานไหนบ้างนั้น ยังคงไม่สามารถตอบได้ ซึ่งหลังจากผ่านการตรวจสอบพิสูจน์ความผิดแล้วเสร็จ ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงินต่อไป   อย่างไรก็ตาม นายธาริต กล่าวว่า ปกติการสอบสวนในคดีพิเศษ จะตั้งกรอบการทำงานไว้ 6 เดือน แต่ในคดีนี้ เชื่อว่าจะสรุปได้เร็วกว่ากรอบที่ตั้งไว้ อีกทั้งเชื่อว่าการตรวจสอบคดีดังกล่าว จะไม่เจอผู้มีอำนาจขัดขวางการตรวจสอบ เพราะเป็นการสนธิกำลังร่วมกันจากหลายหน่วยงาน ธาริตเผยตรวจสอบยาหวัดหายพรุ่งนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยถึงความคืบหน้า ภายหลัง อนุคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของ ซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบของโรงพยาบาล เข้าเป็นคดีพิเศษว่า เบื้องต้น ทาง DSI จะรับโอนคดีที่ตำรวจทำอยู่มาดำเนินการ ต่อรวม 3 คดี ประกอบด้วย คดีที่โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลทองแสนขัน และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เนื่องจาก อนุคณะกรรมการ ได้อนุมัติให้ดูแลในภาพรวมของเรื่องดังกล่าวทั้งประเทศด้วย พร้อมกันนี้ จากกรณีที่ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ พบมีโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 6 แห่ง ที่มีความผิดปกติ รวมไปถึง พบว่ามีแหล่งศูนย์รวมของ ซูโดอีเฟดรีน อยู่ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นั้น ทาง DSI ก็ได้เตรียมเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ทั้ง 7 จุด ตามข้อมูลดังกล่าว พร้อมกับเตรียมเชิญ พนักงานอัยการ เข้ามาร่วมสอบสวนในคดีนี้ด้วยอย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. นายธาริต ได้เตรียมเดินทางเข้าพบ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานขอข้อมูลต่าง ๆ หลังจากนั้นก็จะเข้าพบเลขาธิการสำนักคณะกรรมการอาหารและยา รวมไปถึง นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีดีเอสไอ เผย ขอสำนวนยาแก้หวัดหายจากตร.แล้วนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังอนุคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมขอซูโดอิเฟดรีนออกจากระบบของโรงพยาบาล เข้าเป็นคดีพิเศษ ว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่รับชอบในคดีนี้ จะดำเนินการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอสำนวนคดี และรายละเอียดทางคดีต่างๆ รวมไปถึงเตรียมประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยว่า อาจมีคนใกล้ชิดข้าราชการประจำระดับสูง ของกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีลักลอบนำยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอิเฟดรีน ออกจากระบบของโรงพยาบาลนั้น นายธาริต กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เนื่องจากดีเอสไอจะดำเนินกรทุกอย่างตามขั้นตอน อีกทั้งการทำงานในคดีนี้ยังมีหลายหน่วยงานเข้ามาบูรณาการทำงานร่วมกันอีกด้วย ดีเอสไอ พบ สธ. พรุ่งนี้ ยัน ร่วม ตร. ไร้ปัญหาพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทร์ขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้า หลัง อนุคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบของโรงพยาบาล เข้าเป็นคดีพิเศษว่า  วันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะเดินทางเข้าพบ เลขาธิการสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากนั้น เวลา 10.00 น. จะเข้าพบ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ 11.00 น. จะเข้าพบ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน ส่วนในเรื่องของสำนวนคดีนั้น ก็ได้มีการส่งหนังสือประท้วงประสานไปยัง สถานีตำรวจ 7 แห่ง ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี สถานีตำภูธรสันกำแพง สถานีตำรวจภูธรทองแสงขัน สถานีตำรวจภูธรฮอด สถานีตำรวจภูธรดอยหล่อ และ สถานีตำรวจภูธรภูสิงห์  เพื่อให้ส่งสำนวนคดีมาให้ ดีเอสไอ ภายใน 3 วัน หลังจากได้รับหนังสือแล้ว รวมไปถึงทาง ดีเอสไอ ยังได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ  มาประชุมร่วมกัน ในวันที่ 2 เม.ย.นี้  เวลา 14.00 น. ที่  กรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยอย่างไรก็ตาม จากนี้ไป เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ จะลงพื้นที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง โดยจะทำการตรวจสอบทุกโรงพยาบาล ที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสื่อมวลชนว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น พสิษฐ์เดินหน้าสอบซูโดฯไม่หวั่นถูกเล่นงานนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันปราบปรามฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบ กรณีการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟรดีน ออกจากระบบของโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากว่า ภายหลัง ดีเอสไอ ได้รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้ว ทางคณะทำงานของตนก็ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ในการเดินหน้าตรวจสอบต่อไป ซึ่งจะทำการตรวจสอบให้ถึงที่สุดว่าไม่มีการลักลอบนำยาดังกล่าวออกไปใช้ในทางที่ผิดแล้ว ส่วนกรณีที่ตนออกมาเปิดเผยว่า อาจจะมีคนใกล้ชิดของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวนั้น นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ตนได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกกระทรวงสาธารณสุขทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แต่ทั้งนี้ ทางรัฐมนตรีต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเชิงลึก ซึ่งตนก็ต้องทำรายงานให้ทราบอีกครั้งภายในวันศุกร์นี้ พร้อมกันนี้ นายพสิษฐ์ ยังระบุด้วยว่า ทางคณะทำงานของตน มีความมุ่งหวังในการที่จะจับปลาตัวใหญ่ จึงหวังว่าให้ผู้อำนวยการ หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่อาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องดังกล่าวอย่างตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ออกมาพูดความจริง เนื่องจากส่วนตัวเชื่อว่า แพทย์ หรือเจ้าหน้าที่นั้น ไม่อยากเสียเกียรติยศ เพื่อเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน คณะทำงานจึงไม่พุ่งเป้าไปที่ผู้อำนวยการ หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแ ต่พุ่งเป้าไปยังคนที่อยู่เบื้องหลังคนบงการ และคนสั่งการเป็นสำคัญ คืบหน้าสอบยักยอกซูโดฯรพ.กมลาไสยความคืบหน้ายาสูตรผสม "ซูโดอีเฟดรีน" หายจากโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 3 แสน 5 หมื่นเม็ด ซึ่งขณะนี้ สำนักงานส่วนคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษเพราะเชื่อว่า ยาสูตรนี้ถูกนำไปใช้ผลิตยาบ้าล่าสุด พ.ต.อ.วิเชียร  พินดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หัวหน้าชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า คำซัดทอดของเภสัชกร โรงพยาบาลกมลาไสย ว่า อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นผู้รับซื้อประเด็นนี้ ยังไม่ถูกตัดออกไปจากแนวทางการสืบสวนทั้งหมด ถึงแม้การเข้าให้ปากคำถือว่าเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ในรูปคดีก็ยังคงต้องสืบสวน เพื่อส่งสำนวนให้ ดีเอสไอ เพราะมีความเชื่อมโยงไปสู่เครือข่ายผลิตยาบ้า ส่วนการสอบปากคำ น.พ.สุพัฒน์  ธาตุเพชร ผอ.ร.พ.กมลาไสย ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย ว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้อำนวยการ ซึ่งได้สอบถามว่าจะให้เดินทางเข้าให้ปากคำหรือไม่ ซึ่งทางตำรวจได้แจ้งไปว่า เนื่องจากเป็นคดีพิเศษ การสอบสวนนับจากนี้คงจะขึ้นอยู่กับดีเอสไอ จะเป็นผู้ทำการสอบสวนต่อไปนอกจากนี้ มีรายงานว่า ผลจากคำซัดทอดว่า ยาสูตรซูโดอีเฟดรีน ได้ถูกส่งไปที่ จ.ร้อยเอ็ด ในอีกด้านของความเคลื่อนไหว แหล่งข่าวระบุว่า 1 ใน 7 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกมลาไสย ซึ่งกำลังถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย ยังมีความสนิทสนมกับ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่สงสัยว่า ยาจำนวนนี้อาจถูกส่งไปขายในที่ดังกล่าว ซึ่ง ดีเอสไอ กำลังโยงเข้าสู่เครือข่ายนี้  ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวน น.พ.สุพัฒน์  ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย จะเป็นหน้าที่ ดีเอสไอ ซึ่ง ผู้อำนวยการ ก็ยังคงเก็บตัวเงียบ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook