DSIจ่อค้นรง.ผลิตซูโดอีเฟดรีน-รอสอบบัญชีบิ๊กสธ.

DSIจ่อค้นรง.ผลิตซูโดอีเฟดรีน-รอสอบบัญชีบิ๊กสธ.

DSIจ่อค้นรง.ผลิตซูโดอีเฟดรีน-รอสอบบัญชีบิ๊กสธ.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ก่อนที่ทางดีเอสไอจะเสนอคดีการหายไปของยาแก้หวัดที่มีสารซูโดอีเฟดรีน สารตั้งต้นผลิตยาเสพติดอยู่ ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ นั้น ความคืบหน้าในการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ถือว่าได้มากพอสมควร โดยเฉพาะกรณี ร.พ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโมเดลที่ชัดเจนใน 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เรื่องการตรวจสอบการทุจริตการสั่งซื้อยามา และนำออกนอกระบบของ ร.พ. ส่วนที่ 2 คือ การสืบค้นว่าการรวมยาทั้งหมดไปอยู่ที่ไหนบ้าง และส่วนที่ 3 คือ ตรวจสอบว่ายาที่หายไปได้ตกไปอยู่กับขบวนการผลิตยาเสพติดจริงหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกัน และมีลักษณะคล้ายกันในทุก ร.พ. ที่ตรวจสอบพบ สรุปว่า ทางดีเอสไอ ได้จิ๊กซอว์สำคัญมากพอสมควรแล้ว ส่วนล่าสุด ยาแก้หวัดดังกล่าวพบว่าหายจากระบบแล้วประมาณ 45 ล้านเม็ด ซึ่งคาดว่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลมา นอกจากนี้ ผบ.สำนักคดีความมั่นคงดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากนี้ไป ดีเอสไอจะลงไปตรวจสอบโรงงานผลิตยาแก้หวัดเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตในเมืองไทย ว่ามีส่วนที่เล็ดลอดออกจากระบบ นอกเหนือจากที่ขายให้ ร.พ. หรือไม่ อย่างไร และจะลงลึกตรวจสอบบัญชี การเงิน ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่ามีความผิดปกติ หรือร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ด้วย ซึ่งเป็นอำนาจตามกฎหมายที่สามารถทำได้อยู่แล้ว ตร.เตรียมสอบผู้ต้องหายักยอกยาซูโดฯความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีน โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ หายกว่า 350,000 เม็ด ซึ่งวานนี้ นางสุภคนิจ ศรีพนา อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ผู้ต้องสงสัย ซึ่งถูก นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกร ผู้ต้องหายักยอกยา ซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อ แต่หลังจากตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องสงสัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมยังป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย วันนี้ พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย ได้สอบปากคำ นางสดชื่นเภสัชกรรมอีกครั้ง เพื่อสืบหายาดังกล่าว ผูกก.สภ.กมลาไสย กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องสงสัยมาให้การด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็พบว่า อดีตเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่พบหลักกฐานใดที่เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยเป็นผู้รับซื้อ จึงยุติการสืบสวน แต่จะต้องทำการสอบสวนผู้ต้องหาใหม่ เพื่อสอบถามถึงแหล่งปล่อยยา ทั้งนี้ภายในสัปดาห์หน้า คาดว่า DSI จะเข้ามารับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเครือข่ายที่เหลือจำนวน 10 คน ยังคงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งจะเชิญตัวมาสอบปากคำเช่นกัน วัฒนาคาด1ด.รู้ผลสอบยาหายร.พ.ดอยหล่อ น.พ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีน ว่า ในส่วนของโรงพยาบาลดอยหล่อ นั้น ล่าสุด การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะสรุปผลความผิด กรณี นายไววิทย์ ศิริตัน เภสัชกรผู้ชำนาญการ ของโรงพยาบาลดอยหล่อ ที่แอบสั่งจ่ายยาในนามของโรงพยาบาล จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30,000 เม็ด ทั้งนี้ จากการสอบสวน ยังพบความผิดปกติว่า ที่ผ่านมา นายไววิทย์ มีการเปลี่ยนชื่อตนเอง และเปลี่ยนชื่อร้านขายยาทั้งสองแห่งของตนเองในเขต อ.หางดง และ อ.ดอยหล่อ หลายครั้ง ซึ่งคาดว่าอาจทำเพื่อหลบเลี่ยงความผิด ทางด้านโรงพยาบาลฮอด เบื้องต้นตรวจพบว่า ยาแก้หวัดหายไปจากระบบ 51,000 เม็ด ซึ่งส่วนกลางจะจัดตั้งคณะกรรมการ มาดำเนินการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ในการสรุปผลเช่นกัน   ผอ.ร.พ.ภูสิงห์เผยยาหายแค่ 3 หมื่นเม็ดน.พ.กิตติภูมิ จุฑาสมิท ผู้อำนวยการ ร.พ.ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และคณะกรรมการอาหารและยา ได้เข้ามาตรวจสอบการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาล ปรากฏว่า ตัวเลขคลาดเคลื่อนกันเป็นจำนวนหลัก 200,000 เม็ดได้ แต่จากการที่ตนได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีน หายไปไม่ถึง 250,000 เม็ด อย่างที่มีการตรวจสอบ ตอนแรก เป็นเพราะว่า ร.พ.ภูสิงห์ รายงานตัวเลขไปน้อยกว่าความเป็นจริง ซึ่งเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการรายงาน และเรื่องนี้ก็อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า จริงๆ แล้ว ยาหายหรือไม่ หายเท่าไร แต่จากการตรวจสอบดูคร่าวๆ ตอนนี้อย่างละเอียดกว่าเดิมยาหายไม่ถึง 200,000 เม็ด แน่นอน อยู่ที่ประมาณ 30,000 กว่าเม็ด แต่ว่าจะต้องตรวจสอบ ว่า ยาจำนวน 30,000 กว่าเม็ด กระจายไปทางไหนบ้าง ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกันคณะกรรมการของผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ แต่งตั้ง ได้ไปที่ ร.พ.ภูสิงห์ และได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบข้อเท็จจริงได้ในเร็วๆ นี้ สธ.เชื่อ7ขรก.เอี่ยวยาซูโดฯโทษถึงขั้นไล่ออก นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้า กรณีการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล ว่า น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้ง น่าเชื่อว่า มีข้าราชการ 7 คน ประกอบด้วย เจ้าพนักงานเภสัชกร และเภสัชกรที่โรงพยาบาลกมลาไสย กาฬสินธุ์และเภสัชกรอีก 5 คน ที่โรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี โรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ โรงพยาบาลฮอด และโรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำยาดังกล่าวออกจากโรงพยาบาล ซึ่งกระทำผิดวินัยร้ายแรง โทษอาจจะถึงขั้นไล่ออก โดยข้าราชการที่ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ตามกฎหมายในการแก้ข้อกล่าวหาได้ โดยจะต้องใช้เวลาการสอบสวนอีกระยะหนึ่ง และสรุปผลสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งหลังจากผลสรุปการสอบสวนเสร็จสิ้น ก็จะส่งผลการสอบของกรรมการชุดดังกล่าว เข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข หรือ อ.ก.พ. สป. โดยกรณีที่ดำรงตำแหน่งต่ำกว่า ซี8 ลงมา หรือระดับชำนาญการพิเศษ จะเข้า อ.ก.พ.จังหวัด หาก ซี9 ขึ้นไป หรือ ระดับเชี่ยวชาญ จะเข้า อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อมีคำสั่งการลงโทษทางวินัย ซึ่งมี 2 ระดับคือ ขั้นไม่ร้ายแรง ประกอบด้วย 1. ภาคทัณฑ์ 2.ตัดเงินเดือน 3. ลดเงินเดือน และขั้นร้ายแรง คือ ปลดออก และไล่ออก ซึ่งจะดำเนินการเป็นคำสั่งลงโทษอย่างยุติธรรม  
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook