นายกฯบินอยุธยาสั่งทำแนวป้องน้ำท่วมกทม.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือ ศปภ. โดยมีการติดตามสถานการณ์ล่าสุด เชื่อว่า รับมือสถานการณ์น้ำท่วมได้ ซึ่งล่าสุด รายงานจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ว่าในช่วงต้นเดือน พายุยังไม่เข้าถึงประเทศไทย และคาดว่า ปริมาณยังไม่สูงไปกว่านี้ พร้อมกันนี้ ยังสั่งให้ เจ้าหน้าที่ เร่งสร้างแนวคันกั้นน้ำ 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อ กรุงเทพมหานคร คือ เมืองเอก ตลิ่งชัน และ รังสิตคลอง 5 ซึ่งยังขาดกระสอบทรายอีกกว่า 1,500,000 กระสอบ พร้อมกันนี้ ยังมีการสั่งให้มีมาตรการที่ต้องทำเร่งด่วน 5 ข้อ คือ ให้กรมชลประทานกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับผิดชอบเรื่องเครื่องผันน้ำ ขณะที่ กรมเจ้าท่า ก็ต้องหยุดการจราจรทางน้ำ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ก็ต้องเร่งทำลายผักตบชวา ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ รวมถึง ให้มีการป้องกันแนวรอยต่อของกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่าง ๆ ไม่ให้ถูกน้ำท่วม โดยล่าสุด นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ขึ้น เฮลิคอปเตอร์ เดินทางไป จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจเยี่ยมศูนย์อพยพและศูนย์บริจาคก่อนจะเดินทางไป เจดีย์วัดสามปลื้ม และแจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรการรับมือน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผู้บัญชาการเหตุการณ์แก้ปัญหาน้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พล.ท.อุดมเดช กล่าวสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมในพื้นที่ 16 อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงระดมความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค การขนส่งขนย้ายผู้อพยพ รวมถึง การเสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมเข้าพื้นที่สถานที่สำคัญ ทั้งโบราณสถาน โรงพยาบาล และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเบื้องต้นได้มีการประสานกับ อธิบดีกรมชลประทาน ในการลดปริมาณการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนป่าสัก ให้น้อยลง เพื่อทุเลาน้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแสดงความห่วงใยระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พร้อมกับได้ให้นโยบายไว้ว่า แม้ขณะนี้น้ำได้ไหลเข้าท่วมในโซน 1 หมดแล้ว แต่โซน 2 โซน 3 ที่ยังท่วมไม่ถึง ควรจะรักษาส่วนที่เหลือไว้ โดยป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วม พร้อมกับมอบหมายกรมชลประทาน ดูระดับน้ำหาก เพิ่มขึ้นให้รีบแจ้งเตือนประชาชนในทันที
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับงานด้านการจราจร และการรักษาความปลอดภัยประชาชนที่ประสบอุทกภัยไปรับผิดชอบ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมกันทำงาน และให้กำลังใจชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกคน เพราะเจอกับปัญหาที่หนักมาก
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรการรับมือน้ำท่วม ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผู้บัญชาการเหตุการณ์แก้ปัญหาน้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา และ นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พล.ท.อุดมเดช กล่าวสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมในพื้นที่ 16 อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงระดมความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค การขนส่งขนย้ายผู้อพยพ รวมถึง การเสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมเข้าพื้นที่สถานที่สำคัญ ทั้งโบราณสถาน โรงพยาบาล และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเบื้องต้นได้มีการประสานกับ อธิบดีกรมชลประทาน ในการลดปริมาณการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนป่าสัก ให้น้อยลง เพื่อทุเลาน้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแสดงความห่วงใยระดับน้ำในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พร้อมกับได้ให้นโยบายไว้ว่า แม้ขณะนี้น้ำได้ไหลเข้าท่วมในโซน 1 หมดแล้ว แต่โซน 2 โซน 3 ที่ยังท่วมไม่ถึง ควรจะรักษาส่วนที่เหลือไว้ โดยป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วม พร้อมกับมอบหมายกรมชลประทาน ดูระดับน้ำหาก เพิ่มขึ้นให้รีบแจ้งเตือนประชาชนในทันที
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับงานด้านการจราจร และการรักษาความปลอดภัยประชาชนที่ประสบอุทกภัยไปรับผิดชอบ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมกันทำงาน และให้กำลังใจชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ทุกคน เพราะเจอกับปัญหาที่หนักมาก