ปูเตือนคนกรุงฝั่งเหนือ-ตะวันออก รับน้ำท่วม

9 ต.ค. - นายกรัฐมนตรี หารือผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประเมินสถานการณ์น้ำท่วม เตือน กทม.ฝั่งเหนือและตะวันออกเสี่ยงเกิดน้ำท่วม วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ให้เตรียมขนของขึ้นที่สูง ย้ำประเมินสถานการณ์น้ำได้ถึงวันที่ 13 ต.ค.เท่านั้น เพราะต้องรอดูความรุนแรงของพายุที่จะเข้ามา ยอมรับกระสอบทรายขาดแคลน เรียกร้องภาคเอกชนที่มีกระสอบทราย ขอให้นำมามอบให้ภาครัฐด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดที่ประสบอุทกภัยว่า จะให้ความสำคัญเร่งด่วนในการขนย้ายผู้ประสบอุทกภัยที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำ ท่วมออกมาอย่างปลอดภัย รวมถึงการดูแลสิ่งจำเป็นพื้นฐาน เช่น อาหาร ยารักษาโรค ทั้งนี้การช่วยเหลือจะเน้นด้านการป้องกันช่วงรอยต่อและบริเวณที่อยู่ใน ศักยภาพที่จะป้องกันภัยได้ เนื่องจากปริมาณน้ำจากภาคเหนือที่ไหลลงมาได้แผ่วงกว้าง
"ดังนั้นต้องระดมสรรพกำลังออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ป้องกันได้ โดยแบ่งให้แต่ละกองทัพรับผิดชอบในจุดยุทธศาสตร์ใหญ่ ส่วนที่ป้องกันไม่ได้ก็จะอพยพประชาชน ออกมา เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้ค่ายอพยพจะเต็มแล้ว แต่ได้เตรียมค่ายทหารจังหวัดสระบุรีให้ย้ายไปอยู่แทน ซึ่งทุกหน่วยงานได้เร่งประสานไปในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ภาพรวมทั่วประเทศยังขาดเรือและทราย อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานพร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องการอพยพอย่างเต็มที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ กทม. ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับ กทม. เพื่อช่วยกันป้องกันรอยต่อจังหวัดที่ติดกับ กทม. โดยต้องระดมทุกหน่วยงาน อย่างไรก็ตามยังมีความต้องการที่จะใช้กระสอบทรายจำนวนมากถึง 7 แสนกระสอบ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีกระสอบทราย ขอให้นำมามอบให้เพื่อไปดำเนินการทำคันกั้นน้ำเป็นการเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขอแจ้งให้ประชาชนทราบว่า กทม. อาจมีพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น กทม.ฝั่งเหนือ และ ฝั่งตะวันออก ที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำที่แผ่ไป โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และให้เตรียมตัวไว้ สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย ควรขนย้ายข้าวของที่มีค่าขึ้นชั้นบน และขอให้ดูแลชีวิตและทรัพย์สินเป็นการเบื้องต้น เพื่อไม่เป็นการประมาท เพราะ ณ วันนี้ รัฐบาลสามารถประเมินสถานการณ์น้ำได้เพียงถึงวันที่ 13 ตุลาคมนี้เท่านั้น หลังจากนั้น ต้องประเมินจากระดับความรุนแรงของพายุที่จะพัดเข้ามาอีกครั้ง
"รัฐบาลมั่นใจว่า จากแนวป้องกันน้ำที่ได้ทำไว้ น่าจะสามารถปกป้องพื้นที่ กทม.ได้ และรัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ และสถานที่ที่สำคัญด้วยความไม่ประมาท สรรพกำลังที่รัฐบาลมีอยู่ได้มารวมกัน เพื่อระดมมาให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และขอความกรุณาประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องอยู่ในลักษณะของการป้องกันและเตรียมตัวตลอดเวลา ขณะนี้รัฐบาลรู้จุดที่จะต้องแก้ไขปัญหา แต่ยังต้องการทรายและกระสอบทรายจำนวนมาก จึงขอความกรุณาหน่วยงานที่มี แจ้งมายังส่วนกลาง เพื่อบริหารจัดการ เนื่องจากประชาชนตกใจ " น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่พังว่า ต้องเพิ่มจำนวนวันในการดำเนินการจาก 7 วัน เป็นอีก 1 สัปดาห์ หรือ 3-4 วัน เพราะต้องเพิ่มจำนวนหินที่นำไปชะลอน้ำที่ประตูน้ำบางโฉมศรี - สำนักข่าวไทย