อยุธยาปทุมฯนนท์วิกฤติปากน้ำเร่งขุดคลอง

เวลา 00.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดพบว่า ระดับน้ำยังมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยภายในตัวเมืองของจังหวัด น้ำท่วมสูงกว่า 4 - 5 เมตร ประกอบกับเวลานี้ ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ร.พ.พระนครศรีอยุธยา นั้น น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมภายในชั้นที่ 1 ของโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการย้ายผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ ทีมกู้ชีพ ได้มีการลากเรือเข้าไปจำนวน 4 ลำ โดยสามารถนำลำเลียงผู้ป่วยได้แล้วจำนวน 40 ราย
ขณะที่ช่วงเช้านี้ แพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดยังอยู่ในขั้นวิฤกติ โดยในส่วนของโรงพยาบาล ขณะนี้มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1.5 - 2.0 ม. เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดโรงพยาบาล และทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการอพยพคนป่วยออกจากโรงพยาบาลไปยังศูนย์อพยพ และ โรงพยาบาลราชธานี
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ติดค้างอยู่ภายในโรงพยาบา ลเฉพาะคนไข้มีจำนวนกว่า 600 คน โดยกว่า 300 เป็นคนไข้
ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และมีอาการป่วยหนัก ขณะที่บุคลากรของทางโรงพยาบาลและประชาชนที่อพยพ
หนีน้ำเข้าไปอาศัยในโรงพยาบาลมีมากกว่า 1,000 คน ส่งผลให้การอพยพคนออกจากโรงพยาบาลเป็นไปได้ยาก
และทางเจ้าหน้าที่ต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาเรือเข้าไปช่วยอพยพโดยเร็วที่สุด เนื่องจากการ
เดินทางเข้า - ออกโรงพยาบาลนั้น หากไม่นั่งเรือ หรือว่ายน้ำออกมา ก็ไม่สามารถออกมาได้ เพราะเป็นอันตรายมาก
ขณะที่กระแสไฟฟ้าบางอาคารได้ตัดไฟแล้ว ส่งผลสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างเลวร้ายมากขึ้น
ล่าสุด นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งทีมกู้ชีพเข้าไปช่วยอพยพประชาชนออก
จากโรงพยาบาลแล้ว
ผวจ.สมุทรปราการ สั่งเร่งขุดคลองระบายน้ำ
นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบการขุดลอกคลองบริเวณคลองจระเข้ใหญ่ ต.ศรีษะจระเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดย นายเชิดศักดิ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการจังหวัดเร่งขุดคลอง เพื่อเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ รองรับมวลการผันน้ำในทุ่งฝั่งตะวันออกที่กำลังไหลมาจากทางเหนือ และ กทม. ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน จึงได้สั่งให้ระดมเครื่องจักรกลหนักจำนวน 15 เครื่อง มาขุดคลองที่ความยาว 19 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดอีก 2 คลองที่เหลือ คือ คลองบางเสาธง และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ที่เป็นลำคลองคู่ขนานนั้นก็จะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 10 วันหลังจากนี้
นอกจากนี้ทาง กองบัญชาการทหารพัฒนา ยังได้นำเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 8 ตัว มาติดตั้ง เพื่อช่วยเร่งการผันน้ำและระบายน้ำให้เร็วยิ่งขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเทศบาล และ อบต. เร่งเก็บผักตบชวา วัชพืช และสิ่งปฎิกูลต่างๆ ตามลำคลองย่อยที่อยู่ในความรับผิดชอบ ไม่ให้ขวางทางน้ำไหล พร้อมทั้งเสริมกระสอบทรายในจุดล่อแหลมที่น้ำอาจล้นตลิ่งจนไหลเข้าท่วมแล้ว
บางโฉมศรี คืบหน้าร้อยละ 80 เสร็จ 12 ต.ค. 54
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อม นาย ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 80 มั่นใจว่าในวันที่ 12 ตุลาคม นี้ จะสามารถซ่อมแซมและปิดประตูน้ำระบายน้ำบางโฉมศรีได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นจะให้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปที่เขากระดี่ จ.ชัยนาท เพื่อซ่อมแซมเหตุพนังกั้นน้ำพังเสียหาย ซึ่งมีความรุนแรงเท่ากับประตูน้ำระบายบางโฉมศรี ซึ่งหากปิดการรั่วไหลที่สองจุดนี้ได้ นายบรรหาร เชื่อว่า น้ำจะไหลเข้า จ.ลพบุรี ลดน้อยลง
ทั้งนี้ เดิมเจ้าหน้าที่วางแผนจะใช้กล่องหินทั้งหมด 7,300 กล่อง หย่อนลงไปปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ที่พังเสียหาย แต่เมื่อหย่อนกล่องหินลงไปครบตามจำนวนแล้วยังไม่สามารถปิดได้สนิท จึงต้องเร่งทำกล่องหินเพิ่มเติมอีกประมาณ 2,000 กล่อง เพราะคาดว่าต้องใช้รวมกันทั้งหมดกว่า 9,125 กล่อง
ผวจ.ปทุมฯ ถกแผนรับมือน้ำท่วมกับ2นิคมอุตสาหกรรม
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เรียกหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมทั้งผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ในการเตรียมรับน้ำจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้ไหลบ่ามาที่ จ.ปทุมธานี แล้ว โดยเฉพาะที่ อ.คลองหลวง น้ำในคลองหนึ่งเริ่มสูงขึ้นผิดปกติ ทำให้ถนนเลียบคลองหนึ่ง ถูกน้ำท่วมเป็นจุดๆ ตลอดเส้นทางกว่า 20 ซ.ม. ในการป้องกันน้ำไหลเข้าคลองหนึ่ง ซึ่งมีเขตติดต่อ อ.บางปะอิน และ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เขต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี พล.อ.อ.นพพร จันทวานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท นวนคร จำกัด ได้สั่งการเตรียมเสริมคันกั้นน้ำรอบนิคมเพิ่มขึ้นอีก 50 ซ.ม.จากเดิมที่คันสูง 2.50 ม. โดยทาง จ.ปทุมธานี ได้ช่วยกระสอบทรายจำนวน 10,000 ใบ ซึ่งจะเริ่มทำในวันที่ 9 ต.ค. นี้ เพื่อเตรียมรับน้ำกำลังจะมาถึงภายใน 2 วันนี้
ส่วนอุตสาหกรรมบางกะดี นางสุจินต์ วาสสนิท ผู้จัดการอาวุโส บริษัทสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ได้ชี้แจงที่ประชุมว่า ทางอุตสาหกรรมบางกะดี ได้ตั้งแนวเสริมคันดินพื้นที่รอบโรงงานสูง 1.50 ม. ส่วนรอบ 2 ของโรงงานจะมีถนนติวานนท์ เป็นคันกั้นน้ำให้ โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยเสริมกระสอบทรายเกากลางถนน และรอบ 3 เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีเทศบาลตำบลบางกะดี ได้เสริมคันกั้นน้ำไว้สูงกว่าน้ำรอบนอกอยู่แล้ว หากแนวกั้นน้ำจุดที่ 3 รับน้ำไม่ไหว ก็จะมีแนวที่ 2 และ 3 ของโรงงานเตรียมรับน้ำไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วงในจุดนี้ และได้ขอทางการช่วยกระสอบทราย 10,000 ใบ นำไปเสริมแนวกั้นน้ำให้สูงกว่าเดิม
หลังจากประชุมสรุปว่าน้ำจะไหลเข้าพื้นที่ จ.ปทุมธานี ทางด้าน อ.คลองหลวง และ อ.หนองเสือ เตรียมการรับน้ำไว้ให้ได้ ซึ่งหากน้ำเข้าพื้นที่ได้ก็จะส่งผลให้น้ำในคลองหนึ่ง จะไหลลงมารวมกับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่รังสิต น้ำจะเพิ่มสูงมากขึ้น ทำให้ทางเทศบาลนครรังสิตในวันนี้ได้ออกประกาศเตือนชาวบ้านให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูงไว้ก่อนที่น้ำจะมาถึง
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ใช้พื้นที่ศาลากลางจังหวัด เป็นจุดตั้งกองอำนวยการในการกรอกทรายใส่กระสอบ เตรียมส่งเข้าพื้นที่ประสอบปัญหาแนวคันกั้นน้ำ
ขณะที่ช่วงเช้านี้ แพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดยังอยู่ในขั้นวิฤกติ โดยในส่วนของโรงพยาบาล ขณะนี้มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1.5 - 2.0 ม. เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดโรงพยาบาล และทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการอพยพคนป่วยออกจากโรงพยาบาลไปยังศูนย์อพยพ และ โรงพยาบาลราชธานี
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ติดค้างอยู่ภายในโรงพยาบา ลเฉพาะคนไข้มีจำนวนกว่า 600 คน โดยกว่า 300 เป็นคนไข้
ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และมีอาการป่วยหนัก ขณะที่บุคลากรของทางโรงพยาบาลและประชาชนที่อพยพ
หนีน้ำเข้าไปอาศัยในโรงพยาบาลมีมากกว่า 1,000 คน ส่งผลให้การอพยพคนออกจากโรงพยาบาลเป็นไปได้ยาก
และทางเจ้าหน้าที่ต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาเรือเข้าไปช่วยอพยพโดยเร็วที่สุด เนื่องจากการ
เดินทางเข้า - ออกโรงพยาบาลนั้น หากไม่นั่งเรือ หรือว่ายน้ำออกมา ก็ไม่สามารถออกมาได้ เพราะเป็นอันตรายมาก
ขณะที่กระแสไฟฟ้าบางอาคารได้ตัดไฟแล้ว ส่งผลสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างเลวร้ายมากขึ้น
ล่าสุด นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งทีมกู้ชีพเข้าไปช่วยอพยพประชาชนออก
จากโรงพยาบาลแล้ว
ผวจ.สมุทรปราการ สั่งเร่งขุดคลองระบายน้ำ
นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบการขุดลอกคลองบริเวณคลองจระเข้ใหญ่ ต.ศรีษะจระเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดย นายเชิดศักดิ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการจังหวัดเร่งขุดคลอง เพื่อเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ รองรับมวลการผันน้ำในทุ่งฝั่งตะวันออกที่กำลังไหลมาจากทางเหนือ และ กทม. ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน จึงได้สั่งให้ระดมเครื่องจักรกลหนักจำนวน 15 เครื่อง มาขุดคลองที่ความยาว 19 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดอีก 2 คลองที่เหลือ คือ คลองบางเสาธง และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ที่เป็นลำคลองคู่ขนานนั้นก็จะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 10 วันหลังจากนี้
นอกจากนี้ทาง กองบัญชาการทหารพัฒนา ยังได้นำเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 8 ตัว มาติดตั้ง เพื่อช่วยเร่งการผันน้ำและระบายน้ำให้เร็วยิ่งขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเทศบาล และ อบต. เร่งเก็บผักตบชวา วัชพืช และสิ่งปฎิกูลต่างๆ ตามลำคลองย่อยที่อยู่ในความรับผิดชอบ ไม่ให้ขวางทางน้ำไหล พร้อมทั้งเสริมกระสอบทรายในจุดล่อแหลมที่น้ำอาจล้นตลิ่งจนไหลเข้าท่วมแล้ว
บางโฉมศรี คืบหน้าร้อยละ 80 เสร็จ 12 ต.ค. 54
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อม นาย ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งขณะนี้แล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 80 มั่นใจว่าในวันที่ 12 ตุลาคม นี้ จะสามารถซ่อมแซมและปิดประตูน้ำระบายน้ำบางโฉมศรีได้เป็นผลสำเร็จ จากนั้นจะให้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปที่เขากระดี่ จ.ชัยนาท เพื่อซ่อมแซมเหตุพนังกั้นน้ำพังเสียหาย ซึ่งมีความรุนแรงเท่ากับประตูน้ำระบายบางโฉมศรี ซึ่งหากปิดการรั่วไหลที่สองจุดนี้ได้ นายบรรหาร เชื่อว่า น้ำจะไหลเข้า จ.ลพบุรี ลดน้อยลง
ทั้งนี้ เดิมเจ้าหน้าที่วางแผนจะใช้กล่องหินทั้งหมด 7,300 กล่อง หย่อนลงไปปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ที่พังเสียหาย แต่เมื่อหย่อนกล่องหินลงไปครบตามจำนวนแล้วยังไม่สามารถปิดได้สนิท จึงต้องเร่งทำกล่องหินเพิ่มเติมอีกประมาณ 2,000 กล่อง เพราะคาดว่าต้องใช้รวมกันทั้งหมดกว่า 9,125 กล่อง
ผวจ.ปทุมฯ ถกแผนรับมือน้ำท่วมกับ2นิคมอุตสาหกรรม
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เรียกหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมทั้งผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี ในการเตรียมรับน้ำจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้ไหลบ่ามาที่ จ.ปทุมธานี แล้ว โดยเฉพาะที่ อ.คลองหลวง น้ำในคลองหนึ่งเริ่มสูงขึ้นผิดปกติ ทำให้ถนนเลียบคลองหนึ่ง ถูกน้ำท่วมเป็นจุดๆ ตลอดเส้นทางกว่า 20 ซ.ม. ในการป้องกันน้ำไหลเข้าคลองหนึ่ง ซึ่งมีเขตติดต่อ อ.บางปะอิน และ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เขต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมี พล.อ.อ.นพพร จันทวานิช กรรมการผู้จัดการบริษัท นวนคร จำกัด ได้สั่งการเตรียมเสริมคันกั้นน้ำรอบนิคมเพิ่มขึ้นอีก 50 ซ.ม.จากเดิมที่คันสูง 2.50 ม. โดยทาง จ.ปทุมธานี ได้ช่วยกระสอบทรายจำนวน 10,000 ใบ ซึ่งจะเริ่มทำในวันที่ 9 ต.ค. นี้ เพื่อเตรียมรับน้ำกำลังจะมาถึงภายใน 2 วันนี้
ส่วนอุตสาหกรรมบางกะดี นางสุจินต์ วาสสนิท ผู้จัดการอาวุโส บริษัทสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ได้ชี้แจงที่ประชุมว่า ทางอุตสาหกรรมบางกะดี ได้ตั้งแนวเสริมคันดินพื้นที่รอบโรงงานสูง 1.50 ม. ส่วนรอบ 2 ของโรงงานจะมีถนนติวานนท์ เป็นคันกั้นน้ำให้ โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยเสริมกระสอบทรายเกากลางถนน และรอบ 3 เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีเทศบาลตำบลบางกะดี ได้เสริมคันกั้นน้ำไว้สูงกว่าน้ำรอบนอกอยู่แล้ว หากแนวกั้นน้ำจุดที่ 3 รับน้ำไม่ไหว ก็จะมีแนวที่ 2 และ 3 ของโรงงานเตรียมรับน้ำไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วงในจุดนี้ และได้ขอทางการช่วยกระสอบทราย 10,000 ใบ นำไปเสริมแนวกั้นน้ำให้สูงกว่าเดิม
หลังจากประชุมสรุปว่าน้ำจะไหลเข้าพื้นที่ จ.ปทุมธานี ทางด้าน อ.คลองหลวง และ อ.หนองเสือ เตรียมการรับน้ำไว้ให้ได้ ซึ่งหากน้ำเข้าพื้นที่ได้ก็จะส่งผลให้น้ำในคลองหนึ่ง จะไหลลงมารวมกับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งอาจจะทำให้พื้นที่รังสิต น้ำจะเพิ่มสูงมากขึ้น ทำให้ทางเทศบาลนครรังสิตในวันนี้ได้ออกประกาศเตือนชาวบ้านให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูงไว้ก่อนที่น้ำจะมาถึง
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ใช้พื้นที่ศาลากลางจังหวัด เป็นจุดตั้งกองอำนวยการในการกรอกทรายใส่กระสอบ เตรียมส่งเข้าพื้นที่ประสอบปัญหาแนวคันกั้นน้ำ