เชเฟอร์มีตัวจริงในใจแล้วแต่ยังอุบ สื่อจิงโจ้หยันแข้งไทยทีมรองบ่อน
สื่อจิงโจ้หยันแข้งไทยแค่ทีมรองบ่อน
ทัพนักเตะทีมชาติไทยชุดสู้ศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 ลงซ้อมที่บริสเบนเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เชเฟอร์เน้นปรับสภาพร่างกาย ต่อบอลกับพื้นและยิงประตู กุนซือชาวเยอรมันเผยมีแข้งตัวจริงในใจแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย สื่อเจ้าถิ่นเหิมเกริมดูถูกแข้งไทยแค่ทีมรองบ่อน ไม่มีปัญญาเอาชนะ ออสซี่ แน่นอน
วันที่สองซ้อมกลางสายฝน
ความเคลื่อนไหวของทัพนักเตะทีมชาติไทย ในการเดินทางไปที่เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเตรียมสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 กลุ่ม ดี โดย ซึ่งเกมแรกในวันที่ 2 ก.ย.นี้ มีคิวที่จะลงพบกับ ออสเตรเลีย ที่สนามซันคอร์ป สเตเดี้ยม เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย
สำหรับในวันนี้ (30 ส.ค.2554 ) เป็นการลงสนามฝึกซ้อมเป็นวันที่ 2 หลังจากเดินทางไปถึงเมื่อวานที่ผ่านมา และเมื่อช่วงค่ำเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) ทัพนักเตะทีมชาติไทยได้เดินทางไปฝึกซ้อมที่สนามเพอร์รี่ ปาร์ค ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวันพร้อมสภาพอากาศที่เย็นยะเยือก
ไม่กลัวฝนในวันแข่งจริง
การฝึกซ้อมวันนี้ “วินนี่” ได้เน้นการต่อบอลกับภาคพื้นดินเป็นหลักก่อนจบด้วยการยิงประตูในกรอบเขตโทษ ซึ่งใช้เวลาในการฝึกซ้อมทั้งสิ้นกว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม หลังจบการฝึกซ้อม วินฟรีด เชเฟอร์ ได้เผยว่า "ตน เองไม่กังวลใจเรื่องของฟ้าฝนเท่าไหร่เนื่องจากก่อนเดินทางมาที่ กทม. ก็เจอฝนตลอดดังนั้นเรื่องฝนจึงไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับทีมชาติไทย"
มีผู้เล่นตัวจริงในหัวแล้วแต่ยังอุบไต๋
นอกจากนั้นกุนซือทีมชาติไทย ได้เผยถึงตัวผู้เล่นที่จะส่งลงสนามในเกมวันที่ 2 ก.ย.นี้ ว่า "ตนนั้นมีนักเตะอยู่ในใจอยู่แล้วสำหรับเกมนัดแรก รวมไปถึงแผนการเล่นที่ใช้เตรียมรับมือกับเจ้าถิ่น แต่ก็ยังไม่ขอเปิดเผยในตอนนี้ เพราะต้องการเก็บเป็นความลับก่อนจะถึงวันแข่งขัน"
สื่อเจ้าถิ่นดูถูกไทยแค่ทีมรองบ่อน
พร้อมกันนี้ในการฝึกซ้อมของทีมชาติไทยก็มีสื่อมวลชนของออสเตรเลียมาตามสอด แนมความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทยตลอด และเมื่อรู้ข่าวว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการสั่งอัดฉีดเป็นจำนวนเงินกว่า 2 ล้านบาทหาก ล้มทีมออสเตรเลียได้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ทำให้สื่อเมือง "จิงโจ้" ถึงกับดูถูกทีมชาติไทยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรแค่อันดับโลกก็ต่างกันเกือบ 16 อันดับแล้ว แต่คณะของทีมชาติไทยที่รู้ข่าวนี้ก็ไม่ได้มีใครแสดงอาการไม่พอใจอะไรออกมา"
