อภิสิทธิ์จี้รัฐบาลแก้ศก.ทำตามสัญญาปชช.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้ใช้เวลา 2 ช.ม. ในการแถลงนโยบายทั้ง 8 ด้านของรัฐบาลต่อรัฐสภา เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้น นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ก็ได้ให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายเป็นคนแรก โดย นายอภิสิทธิ์ ระบุถึงสิ่งสำคัญที่จะนำพาบ้านเมืองออกจากวิฤติที่เกิดขึ้นได้ คือ รัฐบาลต้องสร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นในระบบการเมือง กระบวนการประชาธิปไตยและพรรคการเมือง ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดศรัทธาได้นั้น รัฐบาลต้องดำเนินการตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ระบุว่า ทำได้ทันที โดยเฉพาะ นโยบายด้านเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน นโยบายที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป และต้องรักษา
ผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับปัญหาเรื่องประโยชน์ทับซ้อนที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ และสิ่งสุดท้ายคือ จะต้องรักษาและปกป้องสถาบัน
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำว่า รัฐบาล ต้องทำนโยบายต่าง ๆ ให้ชัดเจน อาทิ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ในการแถลงนโยบายวันนี้ ไม่มีการระบุชัดว่า ประชาชนจะได้รับที่ประกาศไว้ แต่กลับมีการกำหนดข้อแม้ว่า ต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแรงงาน พร้อมกับขอให้ยืนยันว่า ในวันที่ 1 มกราคมนี้ จะสามารถดำเนินการได้ทันที ตามที่ประกาศไว้หรือไม่ นอกจากนี้ ก็ยังได้พูดถึงเรื่องเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรี ทั้งยังต้องข้อสงสัยว่า รัฐบาลจะมีหลักประกันอย่างไรที่จะไม่ให้กระทบกับโครงสร้างเงินเดือน และมีมาตรการอย่างไรที่จะให้ภาคเอกชนได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน
นายอภิสิทธิ์ ยังได้อภิปรายท้วงถามรัฐบาลว่า ควรมีการสานต่อโครงการของรัฐบาลชุดเดิม อาทิ การดำเนินโครงสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเดิมนั้นโครงการรถไฟสาย หนองคาย-กรุงเทพมหานคร และ สายกรุงเทพมหานคร-ประเทศมาเลเซีย มีความก้าวหน้า พร้อมจะสานต่อ แต่รัฐบาลกลับไม่บรรจุไว้ในนโยบาย การสานต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาประชาธิปไตย ทั้งในส่วนของที่ทำกิน ซึ่งมีกฎหมายภาษีที่ดินรองรับที่ดีอยู่แล้ว การดำเนินงานในส่วนของกองทุนเงินออม การขยายประกันสังคม รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ อาทิ การประกันภัยพืชผล นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกองทุนมั่งคั่ง ว่า กลับเป็นการนำเงินสำรองของประเทศ มาใช้ ซึ่งต้องเกิดประโยชน์ ไม่ใช่เป็นแหล่งรายได้แหล่งใหม่ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมการดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องไม่เสียวินัยการคลัง เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อ
จะส่งผลทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ตกใจ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกิน จะทำให้มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและภาคการส่งออก
นายอภิสิทธิ์ ได้อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชานต่อไป อาทิ การประกันรายได้เกษตรกร กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระบบสวัสดิการทางสังคม อาทิ กองทุนส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง จึงไม่อยากให้เริ่มต้นนับ 1 ใหม่ รวมทั้ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลระบุว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในการยกร่าง ซึ่งตนยังมีความเป็นห่วง เพราะจากการสำรวจความคิดเห็น ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่ากับเรื่องปากท้องของประชาชน และยังจะเป็นตัวเร่งให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะเชื่อว่าเป็นการดำเนินเพื่อนิรโทษกรรมความผิดมากว่า จากนั้น รัฐบาลจะต้องระบุให้ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรและเห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ชัดเจนว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลนั้น เป็นไปทุกผลประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงนโยบายด้านการต่างประเทศว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรในกรณีที่มีการล่วงละเมิดสถาบันหลายครั้ง รวมถึงกรณีการใช้มวลชนกดดันสถาบันศาลและตุลาการ จากคำตัดสินไม่ตรงใจ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ขัดกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์
และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตัวแทนกลุ่มเพื่อนวีระ-ราตรี ได้เดินทางมายังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยประสานมายัง น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี โดยทางเครือข่ายมีจุดประสงค์ เพื่อการให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมตัวที่ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดย น.ส.สุมล ก็ได้ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว และก็ระบุ ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือทั้ง 2 คน และก็จะประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง สำหรับปัญหาเรื่องประโยชน์ทับซ้อนที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ และสิ่งสุดท้ายคือ จะต้องรักษาและปกป้องสถาบัน
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำว่า รัฐบาล ต้องทำนโยบายต่าง ๆ ให้ชัดเจน อาทิ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่ในการแถลงนโยบายวันนี้ ไม่มีการระบุชัดว่า ประชาชนจะได้รับที่ประกาศไว้ แต่กลับมีการกำหนดข้อแม้ว่า ต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแรงงาน พร้อมกับขอให้ยืนยันว่า ในวันที่ 1 มกราคมนี้ จะสามารถดำเนินการได้ทันที ตามที่ประกาศไว้หรือไม่ นอกจากนี้ ก็ยังได้พูดถึงเรื่องเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรี ทั้งยังต้องข้อสงสัยว่า รัฐบาลจะมีหลักประกันอย่างไรที่จะไม่ให้กระทบกับโครงสร้างเงินเดือน และมีมาตรการอย่างไรที่จะให้ภาคเอกชนได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน
นายอภิสิทธิ์ ยังได้อภิปรายท้วงถามรัฐบาลว่า ควรมีการสานต่อโครงการของรัฐบาลชุดเดิม อาทิ การดำเนินโครงสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเดิมนั้นโครงการรถไฟสาย หนองคาย-กรุงเทพมหานคร และ สายกรุงเทพมหานคร-ประเทศมาเลเซีย มีความก้าวหน้า พร้อมจะสานต่อ แต่รัฐบาลกลับไม่บรรจุไว้ในนโยบาย การสานต่อการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาประชาธิปไตย ทั้งในส่วนของที่ทำกิน ซึ่งมีกฎหมายภาษีที่ดินรองรับที่ดีอยู่แล้ว การดำเนินงานในส่วนของกองทุนเงินออม การขยายประกันสังคม รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ อาทิ การประกันภัยพืชผล นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกองทุนมั่งคั่ง ว่า กลับเป็นการนำเงินสำรองของประเทศ มาใช้ ซึ่งต้องเกิดประโยชน์ ไม่ใช่เป็นแหล่งรายได้แหล่งใหม่ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมการดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องไม่เสียวินัยการคลัง เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อ
จะส่งผลทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ตกใจ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกิน จะทำให้มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและภาคการส่งออก
นายอภิสิทธิ์ ได้อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชานต่อไป อาทิ การประกันรายได้เกษตรกร กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระบบสวัสดิการทางสังคม อาทิ กองทุนส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง จึงไม่อยากให้เริ่มต้นนับ 1 ใหม่ รวมทั้ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลระบุว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในการยกร่าง ซึ่งตนยังมีความเป็นห่วง เพราะจากการสำรวจความคิดเห็น ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่ากับเรื่องปากท้องของประชาชน และยังจะเป็นตัวเร่งให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะเชื่อว่าเป็นการดำเนินเพื่อนิรโทษกรรมความผิดมากว่า จากนั้น รัฐบาลจะต้องระบุให้ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรและเห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ชัดเจนว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลนั้น เป็นไปทุกผลประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริงหรือไม่
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงนโยบายด้านการต่างประเทศว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรในกรณีที่มีการล่วงละเมิดสถาบันหลายครั้ง รวมถึงกรณีการใช้มวลชนกดดันสถาบันศาลและตุลาการ จากคำตัดสินไม่ตรงใจ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ขัดกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์
และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตัวแทนกลุ่มเพื่อนวีระ-ราตรี ได้เดินทางมายังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยประสานมายัง น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี โดยทางเครือข่ายมีจุดประสงค์ เพื่อการให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมตัวที่ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดย น.ส.สุมล ก็ได้ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว และก็ระบุ ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือทั้ง 2 คน และก็จะประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด