กรมชลฯปรับแผนจัดการน้ำ คาด คุมได้

นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน ว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลจาก จ.นครสวรรค์ ลงมาบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยา คาดการณ์ไว้ว่าจะให้อยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งกรมชลประทาน ได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำเหนือไหลหลาก โดยใช้เขื่อนเจ้าพระยา ลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน ทั้งนี้จะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ที่ไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยสรุปได้ว่าจากการปรับแผนจัดการน้ำแล้วจากเมื่อวานนี้ ปริมาณน้ำ 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ณ ขณะนี้น้ำไหลผ่านเพียง 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะลดลงเรื่อยๆ และไม่สูงขึ้นไปกว่าเดิม

ด้านนายสงบ อรุณทอง ผู้อำนวยการส่วนจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา สำนักชลประทานที่ 12 ชัยนาท เปิดเผยว่า ขณะนี้ การจัดสรรน้ำที่มาจากทางเหนือ ที่เกิดจากผลกระทบพายุนกเตน ที่ไหลมาถึง จ.ชัยนาท เมื่อวานนี้ เขื่อนเจ้าพระยาระบาย1,479 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เกิดผลกระทบหลายจังหวัดท้ายเขื่อนฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงมาสั่งการให้ดำเนินการจัดสรรน้ำให้มีผลกระทบน้อยที่สุด โดยให้ดำเนินการระบายน้ำเข้าคลองสาขาทั้งฝั่งซ้ายและขวา บริเวณเหนือเขื่อนฝั่งซ้าย ได้แก่ คลองชัยนาท - ป่าสัก (คลองอนุศาสนนันท์), คลองชัยนาท - อยุธยา (คลองมหาราช) และฝั่งขวา ได้แก่ แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย และคลองมะขามเฒ่า - อู่ทอง รวมทั้ง 5 คลอง 414 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ เหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.00 ม.รทก. (ระดับปกติ 16.50 ม.รทก.) ท้ายเขื่อน 12.16 ม.รทก. ระบาย 1,143 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากเมื่อวาน 336 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่วันนี้ น้ำระบายผ่านสถานีวัดน้ำ C2 นครสวรรค์ 1,838 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มจากเมื่อวาน 23 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ล่าสุด ระดับน้ำที่บริเวณ จ.พระนครศรีอยุธยา ทรงตัว และเริ่มลดลงแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางชลประทาน จะพยายามจัดการน้ำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งยังคงต้องติดตามสถานการณ์น้ำฝน ที่อาจจะเป็นปัจจัยในการเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีก ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์
น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย