เอฟทีงวดใหม่ ขึ้น 8.93 สต.เหตุน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อน

เอฟทีงวดใหม่ ขึ้น 8.93 สต.เหตุน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อน

เอฟทีงวดใหม่ ขึ้น 8.93 สต.เหตุน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรุงเทพ ฯ 3 พ.ค. - นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร หรือ ค่าเอฟที งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2554 จำนวน 8.93 สตางค์ต่อหน่วย แต่ทั้งนี้ ต้องรอการรับฟังความเห็นจากประชาชนทางเว็บไซต์ สกพ.เสียก่อน โดยหากปรับขึ้นอัตราดังกล่าวจะ ส่งผลให้ค่าเอฟทีใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 95.81 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานซึ่งอยู่ที่ 2.27 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยโดยรวมที่เรียกเก็บจากประชาชนจะอยู่ที่ประมาณ 3.23 บาทต่อหน่วย

สาเหตุที่ต้องปรับขึ้นค่าเอฟทีในงวดนี้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 30.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่อยู่ที่ 30.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อัตราการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ2.60 แต่ตัวเลขจริงการใช้ไฟฟ้าติดลบ ร้อยละ 0.66 ราคาน้ำมันเตาสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 78.20-78.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาจริงอยู่ที่ 82.50-115.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคาก๊าซธรรมชาติสูงกว่าประมาณการณ์ไว้ที่ 224-230 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 224-235 บาทต่อล้านบีทียู

นายกวิน กล่าวว่า หากคำนวณตามอัตราที่เป็นจริงที่เกิดขึ้นจะทำให้ค่าเอฟทีในงวดนี้จะต้องเพิ่มขึ้นถึง 13.78 สตางค์ต่อหน่วย แต่เนื่องจาก กกพ.ต้องการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ประกอบกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงเดือนมีนาคมกว่า ร้อยละ 4 ซึ่งเป็นผลมาจากหมวดอาหาร และเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น ทำให้มีการพิจารณานำเงินส่วนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่ได้ลงทุนจริงตามแผนการลงทุนในช่วงปี 2551-2553 ซึ่งเป็นเงินประมาณ 9,500 ล้านบาท มาร่วมรับภาระค่าไฟ โดยนำมาเพียง 2,600 ล้านบาท มาช่วยลดค่าไฟฟ้าในงวดนี้ได้ 4.85 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนวงเงินที่เหลือต้องมีการหารือใน กกพ.ว่าจะทยอยดึงคืนมาลดค่าไฟฟ้าในช่วงไหนอย่างไร โดยที่ไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินของ 3 หน่วยงานดังกล่าว

สำหรับเงิน 2,600 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 11,97.17 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง 729.43 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 673.41 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook