The Radio : แค่จบตอน แต่อาจไม่ใช่อวสาน ?! | Sanook Music

The Radio : แค่จบตอน แต่อาจไม่ใช่อวสาน ?!

The Radio : แค่จบตอน แต่อาจไม่ใช่อวสาน ?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


ปรากฏการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของวงการวิทยุคือการจัดสรรปันส่วนสัมปทาน หลายครั้งทำให้เราเห็นการโยกย้ายสลับรายการไปโผล่ที่คลื่นใหม่ หลายครั้งเราก็ได้เห็นเครือข่ายวิทยุเจ้าใหม่เกิดขึ้น และหลายครั้ง บางส่วนก็ปิดตัวลง ทั้งชั่วคราว และถาวร....

และปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งบนหน้าปัทม์วิทยุที่ประเดิมผังปีใหม่ด้วยการโบกมือลาคลื่น 99.5 ของ "เดอะ เรดิโอ"

เป็นความจริงที่เจ็บปวด และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกไว้ว่า นี่คือเรื่องของธุรกิจล้วนๆ ที่ผู้ฟังได้แต่นั่งตาปริบๆ และรอให้วันเวลาผ่านไปจนเหลือแค่ความทรงจำ

2 มกราคม ทีมงานของเราตั้งใจจะติดต่อกับทางเดอะ เรดิโอ ซึ่งเราเตรียมแผนว่า ในปีใหม่นี้ เราจะเตรียมนำเสนอความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากคลื่นเพลงคุณภาพคลื่นนี้บนเว็บไซต์ของเรา แต่คำตอบทีได้รับจากปลายสายโทรศัพท์ในวันนั้นคือ ตอนนี้ ไม่มีเดอะ เรดิโออีกต่อไปแล้ว...

เป็นความรู้สึกตกใจและใจหาย ไม่ต่างกับแฟนรายการทุกคนที่ตื่นเช้ามาก็พบกับความเปลี่ยนแปลง....ในทางที่รับไม่ได้ เพราะความบันเทิงที่เข้ามาแทนที่ คือเพลงไทยสากลที่หาฟังได้ทั่วไปกระหน่ำหูทั้งวันทั้งคืน

เดอะ เรดิโอ เกิดจากการรวมตัวกันของคนวิทยุมืออาชีพผู้คร่ำหวอดและเป็นที่ยอมรับว่าเป็น "ของจริง" ของวงการ (รวมถึงผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมาหลายครั้ง) นำทีมโดย วิโรจน์ ควันธรรม สมทบด้วยหัวกะทิทั้ง "ป้าแต๋ว" วาสนา วีระชาติพลี เจ้าแม่อัลเทอร์เนทีฟเมืองไทย, มาโนช พุฒตาล, เดือนเพ็ญ สีหรัตน์, เป็นเลิศ หทัยเฑียร ที่พึ่งแห่งผู้พิสมัยในดนตรีแจ๊ส, วันชัย อุทัยเฉลิม อีกหนึ่งกูรูเพลงร็อคยุค 70-80, พิทยากร ลีลาภัทร์ ผู้นำเสนอดนตรีที่มีดีไซน์ รวมถึงสมาชิกรุ่นน้อง สาวเปียโน- สุพรรณดา พลับทอง อดีตสมาชิกวง The Sis ตัวแทนคนรุ่นใหม่บนคลื่นวิทยุแห่งนี้ หลายคนมีชั่วโมงบินสูงจากยุคของไนท์สปอต เรดิโอเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ในขณะที่บางส่วน ก็เป็นดีเจคุณภาพที่เติมเต็มในสิ่งที่ผู้ฟังต้องการมากกว่าการเปิดเพลง โดยที่รูปลักษณ์หน้าตาไม่เคยเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ฟังต้องการจากพวกเขา

บทบาทของ เดอะ เรดิโอ ต่อวงการวิทยุในไทยในรอบ 14 เดือนที่ผ่านมา แม้จะไม่รุนแรงเหมือนพายุคลั่ง แต่ก็สร้างกระแสกระเพื่อมได้เป็นระยะ พร้อมกับการเสนอตัวเป็นทางเลือกของกลุ่มคนฟังที่เน้นบริโภคดนตรีชั้นดี นักจัดรายการที่มีคุณภาพ ชื่อของ เดอะ เรดิโอ ติดหูคนฟังจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคลื่นยักษ์ใหญ่เจ้าไหน แม้จะมีข่าวลือให้แฟนรายการเสียวไส้เล่นว่า คลื่น 99.5 จะถูกฮุบ! แต่รายการก็ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เชี่ยวกรากนั้นมาได้ครั้งหนึ่ง

จนกระทั่งเข้าสู่เดือนที่ 14 เดอะ เรดิโอ ก็บอกลาแฟนๆ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เข้าจนได้

เพื่อตอบคำถามที่หลายคนข้องใจ วิโรจน์ ควันธรรม จึงออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่เดอะ เรดิโอ ต้องปิดตัวลงเนื่องมาจากทางรายการไม่มีสปอนเซอร์ ซึ่งทางสถานีเองก็แบกรับภาระไม่ไหว ประกอบกับทีมงานด้านการตลาดซึ่งค่อนข้างอ่อนด้อยในการโน้มน้าวสปอนเซอร์ให้เห็นภาพของการเติบโตซึ่งเป็นเพียงการเติบโตทางใจ ไม่ใช่การเติบโตในแง่ของธุรกิจ ทำให้เดอะ เรดิโอ จำใจต้องม้วนเสื่ออำลาคุณผู้ฟังในแบบที่น่าใจหาย

ในขณะที่มุมมองของ "น้าซัน" มาโนช พุฒตาล ก็มองอย่างคนที่เข้าใจกลไกทางธุรกิจโดยเฉพาะองค์การเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความพร้อมในแง่ของการสนับสนุนจากปัจจัยต่างๆ และความคิดของนายทุนกับสิ่งที่เหล่าดีเจปฏิบัติมักเดินสวนทางกันเสมอ

กระแสเรียกร้องเดอะ เรดิโอ ให้กลับมาอีกครั้งจากแฟนรายการผู้จงรักภักดีกระจายออกไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะบนอินเทอร์เน็ต มีการเปิดบล็อก savetheradio บนเวิร์ดเพรสเพื่อให้เหล่าสาวกได้ร่วมแสดงพลัง พร้อมเสนอทางเลือกที่ยินดีจะทำให้รายการกลับมาอีกครั้ง ทั้งในรูปแบบอินเทอร์เน็ต เรดิโอ หรือสั่งซื้อรายการแบบ pay per listen หรือพ็อดคาสท์ซึ่งจุดหมายเป็นไปในทางเดียวกันคือ ต้องการให้รายการมีรายได้หล่อเลี้ยงและอยู่กับคนฟังต่อไป สอดคล้องกับสิ่งที่ชาว เดอะ เรดิโอ ยอมรับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญข้อใหญ่ที่ทำให้รายการไปไม่ถึงจุดหมายคือ "รายการดี มีคนฟัง แต่หาสตางค์ไม่ได้"

อย่างไรก็ดี หยดหนึ่งซึ่ง "น้าหมึก" วิโรจน์ ควันธรรม ได้ทิ้งไว้ให้แฟนรายการยังพอมีความหวังก็คือ เดอะ เรดิโอ ที่ลาจากคนฟังไปในวันนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการจากกันอย่างถาวร เพราะเชื่อมั่นว่ารายการยังมีโอกาสที่จะกลับมาใหม่ได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามแต่ แม้จะเป็นเรื่องของอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ก็ตาม

เพื่อยืนยันว่าเดอะ เรดิโอ ยังไม่ถึงกาลอวสาน สาสน์แถลงเปิดใจในกระทู้ห้องเฉลิมกรุงของพันทิปโดย "น้าหมึก" วิโรจน์ ควันธรรม จึงส่งผ่านไปถึงแฟนรายการที่ยังคงศรัทธาต่อรายการอย่างเต็มเปี่ยม ดังข้อความตอนหนึ่งที่เป็นเหมือนคำมั่นสัญญาว่าจะต่อลมหายใจของแฟนรายการว่า

"The Radio จะกลับมาพบกับผู้ฟังเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้จะเป็นทางใด วิธีไหนเราจะแจ้งให้ท่านทราบทาง e-mail : theradiolive@hotmail.com คุณที่รักครับ ณ เวลานี้ขอให้ทุกท่านยึดถือ mail นี้เป็นหลักขอให้ผู้ฟังช่วยกรุณาบอกต่อไปยังเพื่อนของท่านที่เคยฟังคลื่น The Radio 99.5 ขอให้แสดงตัวตนด้วยการส่ง mail มาหาเราพร้อมข้อมูลส่วนตัวของท่านเช่น อายุ เพศ อาชีพ งานอดิเรก เป็นต้น เพื่อที่เราจะนำฐานข้อมูลนี้ไปให้ Sponsor ได้เห็นและเชื่อว่าคลื่น The Radio มีคนฟังมากจริงๆ เรื่องนี้สำคัญมากครับ สิ่งนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ The Radio กลับมาได้เร็วที่สุด..."

พลังของคนฟังที่มีต่อเดอะ เรดิโอในวันนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งว่า พฤติกรรมการบริโภคสื่อโดยเฉพาะสื่อวิทยุของคนไทยนั้นกำลังโหยหาทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการในแง่ของคุณภาพควบคู่ความบันเทิงซึ่งนับวันยิ่งขาดแคลน อาจเป็นเพราะในโลกยุคอินเทอร์เน็ตอย่างทุกวันนี้ เราไม่ต้องออกแรงมากในการขวนขวายหาดนตรีดีๆ มาฟังเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ แถมทางเลือกยังหลากหลายจนรู้สึกได้ว่าความบันเทิงต่างๆ นั้นช่างหาได้ง่าย แต่ก็อยู่ในใจได้ไม่นาน เพราะไม่มีคำว่า "คุณค่าทางจิตใจ" คอยหล่อเลี้ยง

และคนฟัง เดอะ เรดิโอ คือกลุ่มคนที่เสพสรรพสาระบันเทิงโดยมีความไว้เนื่อเชื่อใจและความศรัทธาเป็นที่ตั้ง นั่นจึงทำให้เห็นว่าทำไมรายการที่มีอายุเพียง 14 เดือนบนหน้าปัทม์วิทยุ กลับสร้างกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเฝ้าติดตามอย่างเหนียวแน่น

มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าหากเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับไนท์สปอต เรดิโอ, ไพเรท เรดิโอ, จนมาถึง เดอะ เรดิโอ ที่การปิดตัวลงไม่ใช่เหตุแห่งความน่าเสียดายเท่านั้น

เพราะตราบใดที่นายทุนและสปอนเซอร์ยังไม่รู้จักคำว่า "พอ" แง่งามที่เกิดขึ้นในวงการวิทยุเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีก หากทุกคลื่นวิทยุที่เรา และลูกหลานเปิดฟังอยู่ทุกวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยการแข่งขันและห้ำหั่นกันด้วยผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง

ท่านไม่คิดจะเก็บสิ่งดีๆ ไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันบ้างเลยหรือ ?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook