แวดวงวิทยุ "ปีหมู" ยังคงขึ้นอยู่กับ "กสทช." | Sanook Music

แวดวงวิทยุ "ปีหมู" ยังคงขึ้นอยู่กับ "กสทช."

แวดวงวิทยุ "ปีหมู" ยังคงขึ้นอยู่กับ "กสทช."
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
Quoteโดย Quote By

จากปีที่แล้ว (2550) แวดวงธุรกิจวิทยุบ้านเราดูเหมือนจะหยุดตัวนิ่ง การแข่งขันระหว่างคลื่นเบาบางลงไม่เอาเป็นเอาตายเหมือนในช่วง 2 ปีก่อน

ความสนใจที่จะเปิดตัวรายการหรือเลขคลื่นใหม่ของบริษัทต่างๆ ก็ไม่ค่อยมีให้เห็น แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ยังขอลดเลขคลื่นที่เคยมีลง สัมปทานคลื่นที่เคยแพงหูฉี่ ไม่รู้จะสู้ราคากันไปไหนก็พลอยหดตัวลงไปด้วย

มาถึงปีนี้ (2551) ภาพรวมและทิศทางการเติบโต ตลอดจนแต่ละบริษัทจะชูอะไรเป็นจุดขายกันบ้าง ทั้งนี้จะขอเฉพาะเจาะจงลงไปยังคลื่นที่นำเสนอรายการเพลงที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นและคนทำงานในเมือง ซึ่งถือว่าเป็นคลื่นที่ก่อนหน้านี้มีการแข่งขันกันในระดับสูงกว่ารายการประเภทอื่นๆ มาฟังผู้บริหารคนสำคัญของแต่ละบริษัทวิเคราะห์กัน

เริ่มที่ เชษฐ มังคโลดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวอร์จิ้น บีอีซี-เทโร เรดิโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า

"กฎหมายกสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ที่กำลังจะคลอดภายในปี 2008 คงจะเป็นความหวังชิ้นใหม่ของวงการวิทยุ ที่คาดว่าจะทำให้วิทยุได้รับสัมปทานที่มีระยะยาวขึ้น เพื่อคนทำงานจะได้มีการวางแผนงานที่ชัดเจน ตอนนี้เวอร์จิ้น เรดิโอ ยังคงมีคลื่นวิทยุทั้ง 3 คลื่นในเครือเหมือนเดิม ทั้ง 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์, เวอร์จิ้น ซอฟท์ 103 และ อีซี่ เอฟเอ็ม 105.5

จากสถิติทั้ง 3 คลื่นของเรา ติดอันดับท็อป 10 ของ 40 สถานีเพลงยอดนิยมของกรุงเทพฯ ในวันนี้เรายังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากเรามีจุดขายและกิจกรรมที่แข็งแรงเป็นที่ยอมรับของคนฟัง เราจะยังคงเดินหน้าทำการตลาดให้ฉีกแนวไม่เหมือนใคร ทั้งสื่ออินเทอร์เน็ต และกิจกรรมที่ลงไปเล่นกับผู้ฟังยังที่ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทั้งคนฟังและลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวมทั้งการใช้สื่อใหม่ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ให้มีบทบาทต่อคนฟังมากยิ่งขึ้น

"ตุ้ย" ธีรภัทร์ สัจจกุล ผู้จัดการ คลื่นซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม พูดถึงทิศทางคลื่นเมล็ดพันธุ์ใหม่ของคนวัยมันคลื่นนี้ว่ายังคงเน้นที่จุดแข็งเดิมของปีที่แล้ว นั่นคือ การนำเสนอด้วยความซี้ด ซ่า มัน กวน ในทุกรูปแบบ ผ่านทางเครือข่ายวิทยุทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมไปถึงรายการซี้ด ทีวี ภายใต้คอนเซ็ปต์เป็นกลาง เปิดกว้าง ในขณะที่กิจกรรมต่างๆ ในคลื่นยังคงหลากหลาย

"ปีนี้นอกจากความสนุกสนานผ่านเสียงเพลง เรายังจะสร้างจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านสื่อและกิจกรรมของเรา ภายใต้คอนเซ็ปต์ซี้ด ฟอร์ ดิ เอิร์ธ ผู้ฟังจะได้ทั้งสาระและความบันเทิงไปพร้อมกัน กิจกรรมใหญ่ที่สุดของเรายังคงเป็นงานประกาศผลซี้ด อวอร์ด ให้แก่ศิลปินที่ปีนี้จะคึกคักกว่าเดิม สำหรับดีเจเท่าที่มีอยู่ 17 คนยังเพียงพอ ปีนี้จะมีการสลับจัดตารางการจัดกันใหม่ เพราะจะต้องมีดีเจสลับกันออกไปร่วมกิจกรรมนอกสถานีด้วย

สำหรับแนวโน้มวงการวิทยุปีหน้าภาพรวมผมมองเป็น 2-3 มิติใหญ่ๆ หนึ่งคือภาพรวมของตลาด อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่น้อยกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ บวกกับการมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพน่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น ซึ่งก็มีผลต่อการบริโภค สื่อวิทยุและโทรทัศน์จะยังได้การตอบรับที่ดี ทำให้การตัดสินใจใช้จ่ายของลูกค้าน่าจะมีมากและยาวขึ้น

ประการที่2 การแข่งขันของแต่ละคลื่น จะมีการแข่งขันในเรื่องมุมมองของกิจกรรม เพราะจากเดิมที่ลูกค้าจะใช้สื่อแบบกระจายตัวก็จะหันมาเจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ฉะนั้นการคิดรูปแบบกิจกรรมก็จะต้องประชันกันอย่างมาก ประการที่ 3 กฎหมาย กสทช. ก็จะเป็นตัวแปรสำคัญ ต้องดูว่ากฎหมายลูกจะออกมาอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อวงการ เมื่อภาพรวมเปลี่ยนไป ผู้ผลิตก็จะเปลี่ยนแผน การนำเสนอก็จะเปลี่ยนไป รูปแบบธุรกิจก็จะเปลี่ยนด้วย แต่ถามว่าจะเปลี่ยนอย่างไร ยังคงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก"

วาสนพงศ์ วิชัยยะ กรรมการผู้จัดการ คลิค-วีอาร์ วัน เรดิโอ ที่มีคลื่นอยู่ในมือ4 คลื่น คือคลื่นข่าว เอฟเอ็ม 101 คลื่นเพลงสากล เก็ท 102.5 คลื่น 103.5 เอฟเอ็ม วัน และ คลื่น 104.5 แฟต เรดิโอ เผยกลยุทธ์สำหรับการรุกคืบของบริษัทในปี 2551 ว่า

สำหรับในปีนี้บริษัทคลิค-วี อาร์ วัน พร้อมจะเดินหน้าเต็มตัว เพื่อผลักดัน 4 คลื่นวิทยุในมือให้เป็นคลื่นที่ครองเรตติ้งอันดับ 1 ในกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแต่ละคลื่นมีกลุ่มเป้าหมาย และทิศทางการดำเนินงานชัดเจน อย่างคลื่นข่าว 101 ที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะเป็นปีแรกที่เราไม่ได้รับเนื้อหาทางด้านเศรษฐกิจจากทางตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากความไม่แน่นอนในทิศทางการบริหาร การตัดสินใจที่ไร้ประสิทธิภาพของทางตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนให้นักลงทุนได้เห็นภาพตลาดทุนในปีนี้อย่างแน่นอน จึงทำให้เราเลือกที่จะผลิตเนื้อหาในส่วนของเราเอง โดยได้พันธมิตรเก่าอย่างสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น และบุคลากรใหม่ที่มีคุณภาพมาเสริมทีมอย่าง สำนักข่าวที

และคลื่นเพลงสากลเก็ท 102.5 จะทำหน้าที่เป็นหัวหอกหลักของทั้ง 4 คลื่นในการทำกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคม คลื่น 103.5 เอฟเอ็ม วัน จะเน้นผู้ฟังเป็นศูนย์กลางของการทำงานและการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเราเตรียมกิจกรรมคืนกำไรที่ฮือฮา และสร้างความสุขให้แก่ผู้ฟังอย่างเต็มที่ และสุดท้าย คลื่น 104.5 แฟต เรดิโอ ก็จะมีกิจกรรมที่ขยายฐานคนฟังออกไปในส่วนภูมิภาค อย่างการจัดแฟต เฟสติวัล ที่จะมีขึ้นใน จ.เชียงใหม่ และขอนแก่น รวมทั้งการใช้สื่อดิจิทัลใหม่ๆ ให้เข้าถึงผู้ฟังทั่วทั้งประเทศ ซึ่งต้นปีนี้แฟต เรดิโอ จะมีข่าวใหญ่ที่ทำให้ทุกคนได้ตื่นเต้นแน่นอน กับการสร้างแบรนด์ลูกที่ชาวแฟตจะได้มาพบปะสังสรรค์ ทำกิจกรรมร่วมกัน พร้อมทั้งเป็นที่ผลักดัน ส่งเสริมให้เกิดการผลิตศิลปินใหม่ๆ แต่ส่วนจะออกมาในรูปแบบไหนนั้น ชาวแฟตรอติดตามกันได้

ผมคาดว่าธุรกิจภาพรวมวิทยุในปี 2551 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความชัดเจนของสถานการณ์บ้านเมืองโดยรวม การแข่งขันก็คงสูงขึ้น ในการหาวิธีการใหม่ๆ มาเชื่อมโยงสื่อต่างๆ เข้าด้วยกัน ความคิดแปลกใหม่ ไอเดียดี ที่มาสร้างกิจกรรมให้โดนใจผู้ฟังมากขึ้น ซึ่งผมตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2551 บริษัทคลิค-วี อาร์ วัน เรดิโอ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ของปี 2550 นี้แน่นอน

ด้าน "ฉอด" สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรายการวิทยุในเครือเอ-ไทม์มีเดีย กล่าวว่า เอ-ไทม์ มีเดีย เป็นบริษัทผลิตรายการวิทยุที่ครอบคลุมคนฟังทุกกลุ่ม เริ่มจากคลื่น เอฟเอ็ม 91.5 ฮอตเวฟ ที่มีกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-24 ปี เป็นคลื่นรวบรวมเรื่องราวทันสมัยสำหรับวัยรุ่นเป็นศูนย์กลางความอินเทรนด์มีสีสัน

เอฟเอ็ม 89 บานาน่า เอฟเอ็ม จะเป็นหนุ่มสาวอายุ 24-34 ปี ที่ทันสมัย เปิดเพลงสไตล์อีซี่ ลิสเซนนิ่ง ทั้งไทยและสากล เอฟเอ็ม 94 อี เอฟเอ็ม มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นและคนทำงาน อายุ 18-30 ปี ถือได้ว่าเป็นคลื่นบันเทิงอันดับ 1 และเป็นคลื่นแรกคลื่นเดียวในเมืองไทยที่มีเหล่าคนดังมาเป็นดีเจ และคลื่น เอฟเอ็ม 106.5 กรีนเวฟ ซึ่งจะเจาะกลุ่มคนทำงานผู้ใหญ่ ชายและหญิง อายุ 35 ปีขึ้นไป เป็นคลื่นวิทยุเปิดเพลงไพเราะ รูปแบบการจัดรายการเข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

เอ-ไทม์มีเดีย จะเน้นกิจกรรมที่ไม่เหมือนใคร ภาพกิจกรรมดูเหมือนกัน แต่จะต่างในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตหรือทริปทั้งในและต่างประเทศ เรามีบุคลากร ทีมงาน ดีเจ 40-50 คนอยู่ที่นี่ เราเป็นคนวิทยุตัวจริง นอกจากนี้เรายังยึดหลัก Customer Centric ยึดมั่นในเรื่องความต้องการของลูกค้า เราตอบโจทย์ชัดเจน ลูกค้าได้ประโยชน์คุ้มค่ากับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้

เมื่อถามถึงภาพรวมวิทยุปี 2551 "ฉอด" สายทิพย์ กล่าวว่า

"ภาพรวมปีนี้ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัวมากขึ้นรัฐบาลต้องผลักดันให้ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มาตรา 40 (เอกชนสามารถเป็นเจ้าของสัมปทานได้) เกิดขึ้น และรัฐบาลเพิ่งเสร็จจากการเลือกตั้งคงยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ปีนี้ว่าคล้ายกับปีก่อน มีสภาพเดียวกันยังไม่มีอะไรใหม่ ยกเว้นมีกฎหมายใหม่มากระจายคลื่นใหม่ แต่ก็ยังเดาไม่ถูก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สถานการณ์ไม่มีอะไรชัดเจน"

สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook