ไอยูยุค ‘80s จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ เบื้องหลังวงการบันเทิงเกาหลีอันแสนหดหู่ | Sanook Music

ไอยูยุค ‘80s จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ เบื้องหลังวงการบันเทิงเกาหลีอันแสนหดหู่

ไอยูยุค ‘80s จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ เบื้องหลังวงการบันเทิงเกาหลีอันแสนหดหู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ประสบการณ์ที่ฉันเจอมามันเจ็บปวดเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟัง”

“ฉันพยายามหนีมาโกนหัวบวชที่วัดอยู่สามครั้ง แต่ก็โดนลากกลับไปเป็นนักร้องตลอด เคยแม้กระทั่งบริษัทสั่งให้ฉันใส่วิกขึ้นไปร้องเพลงบนเวที”

“ฉันเกลียดเงิน ฉันเกลียดผู้ชาย ฉันเกลียดชีวิตตัวเอง ฉันแค่อยากจะบวชเป็นพระ ฉันคิดได้เท่านี้จริงๆ”

“มันทำให้ฉันคิดได้ว่า ฉันไม่ควรเป็นนักร้อง”

บทสัมภาษณ์บางส่วนของ คุณ อีคยองมี นักร้อง K-POP ชื่อดังยุค ‘80s ที่ปัจจุบันบวชเป็นพระอยู่ที่วัดในเขตเมืองเยซาน เกาหลีใต้ ภายใต้ชื่อ พระโบฮยอน ถ่ายทอดประสบการณ์อันเลวร้ายของวงการ K-POP ที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีต กัดกร่อนหัวใจของเธอจนทำให้เธอแทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธอพยายามหันหน้าพึ่งพระธรรมอยู่หลายครั้ง และเกือบจะไม่สำเร็จด้วย

จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ

คุณ อีคยองมี

เข้าวงการในวัย 20 กว่าๆ

พระโบฮยอน เล่าว่า เธอเติบโตมาด้วยความชื่นชอบและสนใจการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เธอเริ่มเข้าวงการบันเทิงจากการถูกแมวมองทาบทามมาถ่ายโฆษณาหน้ากล้อง ก่อนที่เธอจะได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมากในวัย 20 กว่าๆ มีแฟนๆ มาชมโชว์ของเธอที่สตูดิโอมากมายและแน่นขนัดถึงขั้นที่เธอแทบจะเดินเข้าสตูดิโอไม่ได้ และแฟนๆ ในช่วงวัยรุ่นเบียดกันจนกระจกแตกหน้าต่างแตก แฟนๆ รุ่นหลังถึงกับขนานนามและเปรียบเทียบความโด่งดังของเธอในตอนนั้นว่าเป็น ไอยูยุค ‘80s

รายได้หลักมาจากงานกลางคืน

เธอเล่าว่า นักร้องสมัยก่อนหารายได้จากการแสดงในสถานบันเทิงตอนกลางคืน เธอตระเวนแสดง 9-10 ที่ในแต่ละคืน ทั้งดิสโก้เธค ไนท์คลับ คาบาเร่ต์ หรือบาร์ยืน นักร้องควรได้ร้องเพลงบนเวทีแล้วก็จบไป แต่สิ่งที่เธอเจอคือการจบจากโชว์แล้วไปพบกับลูกค้าที่กำลังรอเธออยู่ แม้เจ้าของคลับจะบอกว่าแต่ไปทักทายเฉยๆ ไม่ต้องนั่งคุยด้วย แต่แค่ไปพบไปคุยด้วยก็ทำให้เธอลำบากใจ เพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอที่เป็นนักร้องต้องทำเรื่องเหล่านี้ด้วย ทำไมต้องไปพบลูกค้าเป็นการส่วนตัว ทำไมต้องนั่งคุยกับคนเหล่านี้ ถ้าปฏิเสธ บางครั้งก็จะโดนไล่ตาม จนเธอกลัวและแอบหลบอยู่ในห้องน้ำ เคยถึงขั้นถูกผู้ชายไล่ตามพร้อมขู่ฆ่าด้วย

จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ

ถูกเรียกใช้เป็นเครื่องสนองตัณหา

ในยุค ‘80s ที่เป็นยุคทหารครองเมือง เธอมักถูกเรียกให้เข้าพบกับทหารชั้นสูง เธอต้องจัดการกับตารางงานให้ว่างเพื่อเข้าพบเหล่าเจ้าขุนมูลนายทหารยศใหญ่เหล่านั้นโดยที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงขั้นที่ต้องเอาตารางงานของพวกเขาเป็นที่ตั้งจนทำให้เธอไม่ได้ทำการแสดงของตัวเองตามที่ควรเป็น

เธอจะถูกเรียกขึ้นรถหลังจากจบงานของเธอเพื่อไปตามนัด รถพาเธอไปส่งสถานที่ใหญ่โตที่เรียกว่า กุงจองดง หรือ Blue House เพื่อร่วมงานปาร์ตี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่ยศฐาบรรดาศักดิ์สูงๆ หรือเฉพาะคนระดับ VIP เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าได้

เธอเล่าว่า เธอถูกลากไปมาเหมือนแมวลากหนู แม้ว่าเธอจะเป็นศิลปิน แต่เธอได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นของเล่นของพวกเขา เมื่อเธอรู้สึกถึงความเครียดและการถูกดูหมิ่นในฐานะมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงมีความคิดขึ้นมาได้ว่า เธออยากบวชเป็นพระ เธอไม่อยากอยู่วงการนี้แล้ว

จิตใจหดหู่จนอยากเลิกงานวงการบันเทิง

เธอเล่าว่า เธอเคยถึงขนาดที่ว่า โดนบังคับให้ขึ้นแสดงสดบนเวที ในสภาพที่เธอไม่พร้อม เธอไม่รู้สึกเลยว่าร่างกายตัวเองเป็นของเธอ เหมือนวิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างไปแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน จนกระทั่งมีคนเรียกชื่อเธอขึ้นมา เธอจึงรู้สึกตัวว่ากำลังยืนอยู่บนเวที และกำลังถ่ายทอดสดอยู่ เธอจึงทิ้งไมโครโฟน และวิ่งลงมาจากเวทีทันที

ในช่วงที่เธอเครียดจัด เธอคิดว่าเธอกำลังเป็นโรคประสาท เธอเคยได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนเรียกชื่อเธอจากที่ห่างไกล เธอจึงทิ้งไมโครโฟนแล้ววิ่งลงจากเวทีไป เธอไปที่วัดที่อยู่บนยอดเขา แล้วไม่ออกมาจากวัดอีกเลย

จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ

หันหน้าเข้าหาพระธรรม คือทางออก

เธอเคยคิดว่าเมื่อเธอบวชเป็นพระแล้ว ทุกอย่างมันจะจบ เธอจะเริ่มชีวิตใหม่ที่นี่ เธอทำแม้กระทั่งโยนบัตรประชาชนทิ้ง เธอมาอยู่วัดแบบตัวเปล่าไม่มีอะไรติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ผ้าอนามัย และอื่นๆ

สุดท้าย เมื่อเธอได้กลายเป็นพระแล้ว เธอบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนเธอได้ค้นพบตัวเอง ได้พบกับความสงบสุขข้างในจิตใจที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมานาน

สิ่งที่อยากบอกคนในวงการบันเทิงทุกคน

สุดท้าย สิ่งที่เธออยากบอกกับคนที่ทำงานในวงการบันเทิง คือ อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด และความกังวลใจได้ทั้งหมด แต่อย่าทนอยู่กับความเจ็บปวดนั้นๆ ให้ใช้โอกาสนี้ในการสะท้อนสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองรู้สึก แล้วหาเวลาพักผ่อน พร้อมทั้งเรียนรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆ เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้จักตัวเองดี คุณก็จะเข้าใจคนอื่นดีขึ้นด้วย คุณจะมองเห็นโลกใบนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเริ่มมีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตเพื่อสิ่งใหม่ๆ ต่อไปอีกครั้ง เมื่อไรก็ตามที่หัวใจของคุณเบาขึ้น จิตวิญญาณของคุณชัดเจนยิ่งขึ้น สิ่งดีๆ ก็จะตามมาเอง

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ ไอยูยุค ‘80s จากนักร้อง K-POP สู่การบวชเป็นพระ เบื้องหลังวงการบันเทิงเกาหลีอันแสนหดหู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook