คุยกับ INDIGO ถึง "2023" และ 3 ปีที่ไม่มีงาน กับมุมมองที่เพลงดังกว่าตัวตนศิลปิน | Sanook Music

คุยกับ INDIGO ถึง "2023" และ 3 ปีที่ไม่มีงาน กับมุมมองที่เพลงดังกว่าตัวตนศิลปิน

คุยกับ INDIGO ถึง "2023" และ 3 ปีที่ไม่มีงาน กับมุมมองที่เพลงดังกว่าตัวตนศิลปิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึงวงดนตรีที่มีไทม์ไลน์ชีวิตน่าสนใจ สำหรับ Sanook Music แล้วชื่อของ INDIGO จะเป็นชื่อแรกที่นึกถึง เพราะหลังจากทำงานมาเกือบ 3 ปีแบบแทบไม่มีงาน พวกเขาก็ได้มีเพลงฮิต “ถ้าฉันเป็นเขา” และ “พัง” ที่ทำให้พวกเขาฮอตและงานชุกสุดๆ ก่อนที่โควิด-19 จะทำให้พวกเขาต้องหยุดอีกครั้ง 

และหลังจากซุ่มทำเพลงท่ามกลางโรคระบาด พวกเขาก็มีเพลง “เส้นบางๆ” ที่พลิกสถานการณ์วงให้กลับมาฮอตอีกครั้ง จนมีแฟนคลับมากขึ้น และล่าสุดกำลังจะมีคอนเสิร์ต INDIGO SUPERNOVA CONCERT ในวันที่ 5 สิงหาคมหลังปล่อยเพลงใหม่ “2023” ทำให้เราคว้าตัว บลู-พสิษฐ์ เอกวิไชยภัสร์ (ร้องนำ-กีตาร์), ขวัญ-ขวัญชนก พันธุระ (เบส) และ โดนัท-กานต์ชนก ม่อมพะเนาว์ (กลอง) มาพูดคุยภึงเพลงใหม่และงานใหม่ในฐานะ Artist of the Month เดือนนี้ 

เพลง “2023” มีที่มาอย่างไร 

บลู : เพลงนี้พูดถึง Direction ของวง พูดถึงเนื้อเพลงและซาวด์ใหม่ๆ ที่วงอยากนำเสนอครับ เป็นเพลงเร็วที่หนักพอสมควร เหมาะกับทิศทาง เปิดตัวซาวด์ใหม่แบบ 2023 เนื้อหาพูดถึงคนที่ทำงานจนอาจจะลืมคนรอบข้างไป เราใช้ชีวิตจนเป็นหุ่นยนต์ จนเราอาจมองข้ามบางอย่างไป อาจไม่เหลือใครรอบข้างเราเลยครับ 

วิธีการทำงานต่างจากผลงานก่อนหน้าอย่างไร 

โดนัท : ก็เหมือนอัลบั้มแรก แต่มีการทำพาร์ทดนตรี 100% เริ่มและจบด้วยวง แต่เนื้อร้องยังมีพี่ๆ Move ทีมมาช่วย ในพาร์ทดนตรีจัดหนักจัดเต็มครับ ก็เป็นเพลงที่โปรดิวซ์กันเองครับ 

รู้สึกกดดันไหมกับแฟนๆ ที่อยากฟังเพลงแบบอัลบั้มแรก

โดนัท : ที่เราเลือกเพลงนี้เป็นเพลงแรกเพราะเราอยากนำเสนออะไรที่ต่างออกไป อาจจะฟังแล้วไม่คุ้นหูและแบบเปิดมาเป็นเพลงเร็วเลยขึ้น เราอยากนำเสนอให้แฟนๆ ได้เห็นอีกมุมของ INDIGO แต่ใน EP อัลบั้มนี้เราจะได้ฟังเพลงที่เสียน้ำตาแน่นอนครับ 

บลู INDIGOบลู INDIGO

อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจจัด INDIGO SUPERNOVA CONCERT

ขวัญ : ตอนแฟนมีตเป็นการเช็คแฟนว่าต้องการอะไร อยากเห็นอะไรบนเวที แฟนมีตครั้งนั้นก็ทำให้เรามองว่ามันถึงเวลามีคอนเสิร์ตใหญ่สักที เพราะมีหลายคนที่รู้จักเราแค่เพลง และหลายๆ คนเข้าใจว่า “ถ้าหากฉันเป็นเขา” เป็นเพลงแรกของเรา เราอยากให้รู้ว่าการเดินทางของเราไม่ใช่เรื่องยากและเรื่องง่าย และแฟนคลับเราก็โตขึ้น วันนี้แฟนคลับกลุ่มแรกเรายังอยู่ และเราสะสมทุกคนมาเรื่อยในการเดินทาง เหมือนรถไฟที่มาถึงคอนเสิร์ตนี้มันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ เราเลยอยากให้ทุกคนย้อนไปวันแรกและมาถึงวันนี้มากขึ้น และรวมถึงเราจะพาทุกคนไปทางไหน เราคิดว่าปีนี้เหมาะแล้ว เพราะเป็นการขึ้นอัลบั้มใหม่ และปิดจบอัลบั้มที่แล้ว เราควรเริ่มด้วยคอนเสิร์ตที่ไปเจอโลกใหม่ค่ะ 

บลู : มาทุกเพลงแน่นอนครับ และมีโชว์ใหม่ๆ ด้วยเพราะโชว์ต่างจังหวัด INDIGO ค่อนข้างเยอะ น่าจะเห็นโชว์ซ้ำๆ เยอะมาก ก็น่าจะพาทุกคนไปเห็นโลกใหม่ของ INDIGO ครับ 

เรารู้สึกอย่างไรกับชีวิตช่วงที่เพลงเป็นที่รู้จักมากกว่าตัววง 

บลู : จริงๆ ก็คนไม่รู้จักเรา เพราะเพลงไปก่อนตัวตน ก็หวังว่าในคอนเสิร์ตนี้ทุกคนจะได้รู้จักเรามากขึ้น 

ขวัญ : สำหรับพวกเราต้องขอบคุณเพลงของพวกเรา ถ้าไม่มีเพลงพวกเราคงเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ได้ค่ะ พวกเราเป็นศิลปินและดีใจที่ทุกคนรักเพลงของพวกเรา และรู้สึกขอบคุณเพลงของพวกเรา เพราะถ้าไม่มีเพลงเราก็ไม่ได้เจอกับทุกคน ต่อให้วันนี้คนรู้จักเรามากกว่าเพลง แต่ก็คงไม่ดีใจเท่าที่เพลงของพวกเราได้รับการยอมรับด้วยซ้ำ เพลงมันเป็นสิ่งที่ศิลปินควรทำเพื่อให้คนรักและเข้าใจวง 

โดนัท : ถ้าคนยังไม่รู้จักเราเท่าผลงานเพลง เราก็มีมุมมองจะทำออกมาเรื่อยๆ อย่างเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา” ก็ทำให้เริ่มรู้จักทางและตัว INDIGO มากขึ้น ก็จะทำเพลงที่เป็นกระแสให้คนรู้จักเรามากขึ้นเรื่อยๆ 

ในวันที่เราปล่อยเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา” ตอนนั้นวงเวลาไปเล่นคนมาถ่ายรูปเยอะมาก วันนี้เปลี่ยนไปไหม 

โดนัท : เหมือนเดิมเลยครับ แต่ก็มีวิธีถ่ายที่ต่างออกไป อย่างก่อนโควิด-19 ก็จะใกล้ชิดสุดๆ แฟนคลับพุ่งมากอด แฟนคลับให้ทำท่าแปลกๆ แต่ตอนนี้เราอาจจะไม่ 100% เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังถ่ายรูปนานเหมือนเดิมครับ 

ขวัญ : ก็เล่นคอนเสิร์ต 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ่ายรูปอีก 2 ชั่วโมง เราก็ยืนถ่ายรูปจนกว่าเขาจะพอใจ ก็ยินดีที่จะถ่ายกับเขาครับ 

ขวัญ INDIGOขวัญ INDIGO

ช่วงนี้ศิลปินเจอเหตุการณ์แปลกๆ ตอนโชว์เยอะ ของ INDIGO เจอบ้างไหม 

บลู : ตอนมีเรื่องต่อยนักร้อง ผมก็กลัวว่าจะมีใครมาต่อยไหม ก็ระแวงเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้หลายร้านเริ่มรู้ตัวก็จะมีการ์ดมากขึ้น มีการรักษาความปลอดภัยหน้าเวที ปกติไม่ค่อยมีใคร แต่เดี๋ยวนี้คือ มาสองด้านพร้อมชาร์จครับ 

โดนัท : ผมไม่กลัวใครมาทำอะไรนักร้องผมแล้ว ผมกลัวนักร้องผมจะไปทำอะไรเขามากกว่า (หัวเราะ) อย่างพี่ขวัญจะเจอเครื่องดื่ม แต่เป็นคนไม่ดื่ม หลังก็ส่งอาหารมาให้อย่าง ขาหมูเยอรมัน นู่นนี่นั่น 

บลู : ขนมแผง ข้าวหลาม และมีอะไรแปลกๆ เยอะเหมือนกันครับ 

วง INDIGO มีงานหลายรูปแบบ ทั้งร้าน งานไพรเว็ทปาร์ตี้ ไปจนเฟสติวัลและแฟนมีต เราเตรียมตัวอย่างไร 

ขวัญ : ทุกงานเราจะได้รับบรีฟจากค่ายว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ ก็เตรียมตัวเสื้อผ้า เตรียมตัวเรื่องการแสดงความยินดี อย่างงานนี้เราต้องไป Congratulation เรื่องอะไร หรือต้องไปร่วมงานใคร อย่างงานเพื่อนพี่ อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) เราก็ต้องดูว่าเพื่อนพี่อั้มคือใคร ก็จะมี PR คอยบอกตลอด 

บลู : มันก็มีบูลเล็ตหัวข้อไว้แหละ แต่เราก็ต้องด้นสดตามงาน 

ขวัญ : แต่พวกเราจะมีปัญหาคืองานมงคลและงานวันเกิด เราจะหลีกเลี่ยงการเล่น “พัง” และ “ถ้าฉันเป็นเขา” ไม่ได้ บางทีสงสารพ่อแม่เจ้าสาวมาก มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงของวงเราไม่ได้ค่ะ 

มีงานไหนที่ INDIGO อยากรับอีกไหม 

บลู : จริงๆ งานแต่งว่าพีคแล้วนะ เพราะเล่นเพลงอกหัก จริงๆ ก็อยากเล่นงานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช

ขวัญ : อยากเล่นงานบุฟเฟต์ร้านหมูกระทะ (หัวเราะ) 

โดนัท INDIGO

วง INDIGO มีกราฟชีวิตที่น่าสนใจ เพราะตอนออก “ถ้าฉันเป็นเขา” และ “พัง” มาไม่นานก็เจอโควิด-19 จนหยุดชะงัก แต่พอโควิด-19 คลี่คลาย เราก็มี “เส้นบางๆ” มาเป็นเพลงฮิตที่ทำให้เรากลับมาฮอต เรารับมืออย่างไรกับกราฟชีวิตช่วงนั้น

โดนัท : ตอนแรกโควิด-19 มาก็ช็อก จากคนที่ออกจากบ้านทุกวัน ก็อยู่บ้านว่างเลย ช่วงแบบครึ่งปีแรกฟุ้งซ่านมาก ก็เปิดร้านกาแฟทำนู่นทำนี่ ผมชอบเรื่องกาแฟก็ศึกษาและขายตามแอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็พอมาถึงครึ่งปีหลังของโควิด-19 รอบ 2 ก็เริ่มรู้สึกคิดถึงการเล่นดนตรี คือพวกเรามีเล่นในไลฟ์ต่างๆ มันก็ไม่เหมือนกัน เพราะเล่นกับดนตรีสดมันต้องดูสดๆ มันจะทัชใจมากกว่า ช่วงโควิด-19 เราไม่ได้หยุดเลย เราก็ทำเพลงออกมาเยอะพอสมควร ก็ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำอย่างเพลงเร็ว “อยากได้” เพราะเราไม่เคยทำเพลงเร็วเลย ก็ได้ทำช่วงนั้น มีหลายอย่างที่ทำ ก็คิดถึงการเจอผู้คน กลายเป็นเราใช้ชีวิต New Normal 2 ปี เราโหยหาความเรียบง่าย การได้ออกไปกินข้าวเจอผู้คน ออกไปเที่ยวตามผับบาร์ กราฟช่วงนั้นมีแบบขึ้นลง และเป็นโชคดีที่ปลายโควิด-19 เราทำ “เส้นบางๆ” ก็เป็นไทม์ไลน์การปล่อยและเราได้เจอพี่ แอ้ม (อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์) ก็คุยกันว่าชอบผลงานพี่แอ้ม ก็มีพี่อ๊อฟ พีอาร์ติดต่อให้ว่าเราอยากได้เนื้อหาประมาณนี้แบบเป็นมือที่สาม แต่คิดพูดออกไปมันอาจจะไม่ดี ก็ได้พี่แอ้มมาเขียนความรักอีกแบบที่ซอฟท์ลง พอเพลงออกไปจังหวะดี มันเหมือน “ถ้าฉันเป็นเขา” เลย เพราะเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทั้งคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้เพลงทำงานทันที ทำให้เราได้กลับไปทำงาน ทุกอย่างจังหวะดีครับ ต้องขอบคุณแฟนคลับเราที่ยังคุยกัน แบบไปไลฟ์ก็ดูและช่วยแชร์ เหมือนมีฐานเสียง พอปล่อยเพลง “เส้นบางๆ” เขาก็ช่วยดัน โหวตในแอปพลิเคชั่น ขอในคลื่นวิทยุครับ ก็เริ่มแพร่กระจายออกไป เพลงติดหูก็ไปทีเดียวเลยครับ

วง INDIGO เชื่อเรื่องจังหวะชีวิตไหม 

โดนัท : เชื่อครับ เพราะแต่ก่อน “ถ้าฉันเป็นเขา” จะดังเราไม่มีงาน 3 ปีเลย ช่วงโควิด-19 ที่เราฟรีซไป ก็เหมือนกลับไปยุคนั้น แต่ต่างกันตรงที่เราออกไปเจอผู้คน เล่นดนตรีได้ แต่ตอนโควิด-19 เล่นไม่ได้ ก็กลับไปจุดนั้น ก็ไม่รู้สึกแย่ เพราะก่อนหน้าจะมีเพลงดัง เราเป็นคนที่ไม่ถูกรู้จักมาก่อน พอกลับมาอยู่จุดที่ว่างไม่มีงาน ไม่ได้ทัวร์คอนเสิร์ต ก็เหมือนอยู่กับตัวเอง ได้ทำเพลง เพราะตอนที่เราออกทัวร์คือเราไม่มีเวลาทำเพลงหรือคิดงาน ไม่ได้พักเลย ช่วง 3 ปีก็เหมือนได้พัก แต่ก็พักจนคิดว่าเมื่อไหร่จะได้ทำงานสักที ช่วงที่ทัวร์เยอะๆ ก็บอกว่าอยากพักบ้าง พอ 3 ปีเราก็หันมาคุยว่าจะไม่บ่นกันแล้ว (หัวเราะ) ทำงานไปก่อนเดี๋ยวมันก็ได้หยุดเอง เก็บตังค์ๆ (หัวเราะ) 

INDIGO เป็นวงที่แฟนคลับนิสัยคาแร็คเตอร์เหมือนแฟนคลับวงไอดอล เล่าถึงแฟนคลับเราหน่อย

บลู : แฟนคลับเราทำให้ทุกปีครับ มีนู่นมีนั่น แต่ปีนี้แฟนคลับเยอะขึ้น เขาก็มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ สมานฉันท์กัน ก็ตั้งบู๊ททำร้านกาแฟ เอารูปผมไปทำ ผมก็ตกใจมีรูปผมขึ้นบิลบอร์ด MBK ก็ดีใจที่เขาทำให้ครับ 

ขวัญ : ไปเชียงใหม่มีรูปบลูขึ้นรถแดง ไปหาดใหญ่ก็มีร้านกาแฟ ก็เป็นอะไรแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ คิดว่าตอนนี้สิ่งที่คนทำให้ศิลปิน มันมีแบบอย่างว่าทำแบบนี้สิน่ารัก เขาเลยรู้สึกว่าอยากทำแบบนี้ให้พวกเราค่ะ เขาคงมาคุยกันและมองว่าทำสิ่งนี้น่าจะทำให้บลูยิ้มได้ 

ล่าสุดขวัญก็มี Flea มือเบสวง Red Hot Chilli Pepper มาตาม Instagram ด้วย รู้สึกอย่างไร 

ขวัญ : ตื่นเต้นมาก แทบบ้า เช้าวันนั้นมีคนส่งมาว่าเขามากดไลก์เรา ก็มาเห็นว่าเขาติดตามเรา ความรู้สึกว่าเขากดผิดแน่ๆ คงคิดว่ามากดผิด ก็ไปเช็คเพราะไม่เคยเช็คว่าใครตาม เขากดติดตามเราจริงๆ ก็แทบบ้า และกรี๊ดอยู่บนรถตู้จนพี่เขาตกใจ นึกว่าใครมาพังรถ เขาไม่ได้ไลก์รูป แต่เขากดฟอล ก็เลยปรึกษาพี่ที่ค่ายที่รู้ภาษาอังกฤษ เขาก็ช่วยตอบกลับไปค่ะ 

สุดท้ายนี้เราอยากให้ทุกคนจดจำ INDIGO แบบไหน 

บลู : อยากให้ติดตามความเป็นตัววงที่รู้จัก ติดตามเพลง อาจไม่ต้องถึงชีวิตส่วนตัว อยากให้เราพวกเราที่เป็น INDIGO และพวกเราจะทำผลงานดีๆ ต่อไปครับ 

ขวัญ : ที่ผ่านมาคนจะบอกว่าเพลงของ INDIGO ไม่ได้มีไว้ร้องตาม แต่มีไว้ร้องไห้ การเดินทาง EP2 อยากให้ทุกคนร้องไห้ไปกับเราและรู้จักไดเร็คชั่นของพวกเรา เฉดสีใหม่ และเจนใหม่ของวงว่าเป็นอย่างไร 

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ

อัลบั้มภาพ 26 ภาพ ของ คุยกับ INDIGO ถึง "2023" และ 3 ปีที่ไม่มีงาน กับมุมมองที่เพลงดังกว่าตัวตนศิลปิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook