รีวิวคอนเสิร์ต WALLOWS in Bangkok ครั้งแรกในไทยกับโชว์คุณภาพของวงขวัญใจวัยรุ่น

คอนเสิร์ต WALLOWS TELL ME THAT IT’S OVER TOUR 2023 BANGKOK เป็นที่รวมตัวของวัยรุ่นที่รักในเสียงดนตรียุค ‘90s-2000s ที่แท้จริง เล่นดีน่าประทับใจจนมองข้ามหน้าตาไปเลย

เหล่าหนุ่มสาวชาววัยรุ่นมารวมตัวกันในขนาดย่อมๆ ที่คอนเสิร์ต WALLOWS TELL ME THAT IT’S OVER TOUR 2023 BANGKOK เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ Moonstar Studio โดยผู้จัด VIJI Corp ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่ได้ติดตามวงนี้มาตั้งแต่แรก แต่ก็เหมือนกับเป็น “รักแรกพบ” เมื่อ Spotify สุ่มเพลงมาให้ ต้องหันกลับไปดูอีกทีว่าเป็นเพลงของวงอะไร เพลงนั้นคือ “1980s Horrow Film II” จากนั้นก็ไล่ตามฟังเพลงของวงนี้จริงจัง แล้วก็ได้ทราบว่า Dylan Minnette พระเอกซีรีส์ 13 Reasons Why ที่เราชอบนักชอบหนาและติดตาม Instagram มาตั้งนานแล้วก็อยู่ในวงนี้ด้วย

… นั่นแหละ เป็นจุดเริ่มต้นของเรากับ Wallows

หลังจากเกือบเดินหลงทิศไปที่ฮอลล์คอนเสิร์ตเดิมของ Moonstar Studio อย่างที่คุ้นเคย ก็เดินมาอีกไกลเพื่อได้ลิ้มลองสตูดิโอใหม่ที่ขนาดย่อมกว่าเดิม แต่ไซส์เหมาะกับแฟนๆ และศิลปินในคืนนี้มาก เวทีตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยพื้นหลังเป็นผ้าสีขาวเรียบๆ บนเวทีนอกจากจะมีเครื่องดนตรีแล้ว ก็มีโคมไฟตั้งพื้นรูปร่างคลาสสิกตั้งอยู่หลายดวง เห็นแบบนี้แล้วคิดว่าต้องเป็นโชว์ที่เล่นกับแสงไฟเป็นพิเศษแน่นอน

Wallows เริ่มโชว์ด้วย “I Don’t Want To Talk” เพลงดังและเพลงโปรดของเราอีกเพลงหนึ่ง ร้องตามไปได้ไม่เท่าไรก็ต่อด้วย “These Days”, “Especially You” เพลงที่เพิ่งปล่อยเมื่อปี 2022 ช่วงที่เราเพิ่งมาตาม Wallows ใหม่ๆ และ “Pleaser” เพลงแรกของวง แสงสีเสียงจัดเต็มเหมาะกับการถ่ายรูปถ่ายคลิป คนเลยยกมือถือกันเหนือหัวบังทัศนวิสัยของเราเยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไรยังจอยๆ กันได้อยู่

เซตลิสต์ของ Wallows ในแต่ละประเทศค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันสักทีเดียว แฟนๆ เลยต้องมาลุ้นเอาหน้างานว่าคืนนี้ไทยแลนด์จะได้เพลงอะไรไปบ้าง สำหรับเราแล้วเพลงที่เราชอบอยู่ในเซ็ตลิสต์นี้หมด ถือว่าคอมพลีทมากๆ ได้เห็นดีแลนในระยะที่มองด้วยตาเปล่าก็เห็นชัดขนาดนี้คือดี เสียงของดีแลนเป็นเสียงที่ทุ้มต่ำและมีพลังดี เสียงค่อนข้างคงที่แรงไม่ตกไม่ว่าจะร้องกี่เพลงหรือกระโดดไปไหน อาจจะไม่ได้เพอร์เฟกต์ตลอดเวลา แต่ถ้ารวมการเอนเตอร์เทนด้วย เล่นเครื่องดนตรีไปด้วย ร้องไปด้วย แบบนี้คือถือว่าดีมากแล้ว

พูดถึงเรื่องเล่นดนตรี Wallows เขาเอาอยู่จริงๆ ทั้งการสลับกันร้องระหว่างสมาชิกทุกคน ทั้ง Braeden และ Cole ที่เป็นมือกลองก็ลงจากกลองมาร้องเพลงกับเขาด้วย แล้ว Dylan นักร้องนำก็เดินไปเล่นกลองให้แทน แสดงให้เห็นถึงความเป็น multi-instumentalist ได้อย่างดี และน้อยวงที่จะทำได้ ยิ่งเทียบกับอายุ 20 ปลายๆ เท่านั้น เป็นนักดนตรีที่อนาคตไกลและน่าจับตามองจริงๆ

ซาวด์ของ Wallows ถูกใจคอวัยรุ่นอินดี้และไม่อินดี้ได้ไม่ยาก เพราะเป็นเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อคฟังง่ายโครงสร้างเพลงไม่ซ้ำซ้อนเหมือนเพลงยุค 90s’-2000s แฟนเพลงแต่ละคนร้องเพลงตามศิลปินได้เกือบทุกเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงเก่าอย่าง “Sun Tan”, “Uncomfortable” ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2017 เพลงในช่วงกลางๆ ของวงอย่าง “1980s Horror Film II”, “Scrawny” หรือจะเป็นเพลงใหม่ขึ้นมาหน่อยอย่าง “At the End of the Day” หรือ “WISH ME LUCK” ก็ยังได้ยินเสียงคนร้องตามกันได้อยู่เรื่อยๆ บ้างก็โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ปลดปล่อยอารมณ์ปล่อยจอยกันสุดๆ

ทั้งสามคนเล่นเครื่องดนตรีกันได้ดีมากๆ บวกกับนักดนตรีแบ็คอัพที่เพิ่มความแน่นให้กับดนตรีได้ดีเช่นกัน จุดที่ควรจะเล่นดัง เล่นเบา จุดที่ควรจะหยุดให้เงียบสนิท แล้วกลับมาประโคมแผดเสียงต่อ ถือว่าทำได้เนี้ยบกริบใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟกต์มากๆ เพลงเร็วเพลงช้าเอาอยู่หมด แสงไฟบนเวทีเปลี่ยนไปตามอารมณ์และจังหวะของเพลงได้ดี เป็นความเรียบง่ายที่ classic is simply the best จริงๆ

บรรยากาศในคอนเสิร์ตค่อนข้างดีและอบอุ่นแม้ว่าจะไม่ได้มีช่วงพูดคุยอะไรมากมายเป็นพิเศษ มีเพียงคำขอบคุณที่มาหาพวกเขาในค่ำคืนนี้ เป็นโชว์แรกในกรุงเทพที่น่าประทับใจ และหวังว่าจะได้กลับมาอีก แต่ก็มีโมเมนต์อบอุ่นกับการชวนแฟนเพลงร้องเพลง Happy Birthday ให้กับทีมงานของพวกเขา

สุดท้ายก่อนจบโชว์ ไทยแลนด์ได้เพลง “Guitar Romantic Search Adventure” ก่อนจะปิดท้ายด้วย “Are You Bored Yet?” ที่เราอยากตะโกนกลับไปว่า ‘I’m not bored yet’

เป็นค่ำคืนที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศดีๆ ดนตรีดีๆ และทำให้โหยหาเพลงดีๆ กลับมาฟังต่อที่บ้านอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะเอาตัวออกมาจากคอนเสิร์ตนี้ได้ จากกระแสตอบรับที่ดีขนาดนี้ เชื่อว่า Wallows จะต้องกลับมาหาแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน