สนทนากับ "I Hate Monday" ถึงการฉีกแนวและเติบโตจากเด็ก Hotwave สู่วัยทำงาน

หลังการกลับมาของเวที Hotwave Music Awards เราก็ได้เห็นหลายๆ โรงเรียนที่มาพร้อมนักดนตรีมากฝีมือ ซึ่งไม่กี่วงที่จะทำเพลงต่อ โดยหนึ่งในนั้นคือ I Hate Monday จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปัจจุบันนี้สมาชิกได้เดินหน้าจากการเป็นวงมัธยมปลายสู่การเป็นศิลปินอาชีพวัยทำงาน ภายใต้สังกัด White Music 

และล่าสุดแม้จะเว้นช่วงจากการปล่อยเพลงไปพักใหญ่ ยาหยี-พัทธมน พรหโมปการ (ร้องนำ), นีโน่-ณัฐดนัย คำเจริญ (กีตาร์), มิค-เพชรภูมิ เพชรแก้ว (กีตาร์ โซโล่), ฟอร์ด -ธรณินทร์ วิไลลักษณ์ (เบส)  และ ปิง-ภัทรกร ธนภัคศิวการ (กลอง) ก็ได้กลับมาพร้อมผลงานใหม่อย่างเพลง "ยอดนักสืบ" พร้อมถือโอกาสมาเล่นให้ทุกคนฟังในสตูดิโอ Sanook พร้อมพูดคุยเรื่องผลงานและการเติบโต 

โดยหลังเล่น Live Session ยาหยีนักร้องนำได้เล่าถึงเพลงใหม่ว่า เพลง “ยอดนักสืบ” ไม่ใช่เพลงรัก แต่เป็นเพลงว่า “ป้าข้างบ้าน” ว่าอย่ามายุ่งเรื่องของเรานะ เนื้อเพลงท่อนฮุคคือหยุดทำตัวแบบโคนัน ก็เป็นเพลงที่เปลี่ยนไปจากเพลงทั่วไปที่เป็นเพลงรัก เพลงอกหัก ก็จะเป็นเพลงที่พูดถึงบุคคลที่ 3 การทำงานเพลงนี้เราทำกันเองค่อนข้างเยอะ โปรดิวเซอร์ก็จะเป็นมิคมือกีตาร์อีกคนที่วันนี้ไม่ได้มา เป็นโปรดิวซ์เอง เราก็ทำไว้หลายๆ เพลงแล้วก็ส่งให้ค่ายฟังว่าจะเพลงไหนดี ก็ได้เป็นเพลงนี้มา"

ซึ่งนอกจากการทำเพลงที่แตกต่างไปแล้ว เรายังทราบอีกว่าการทำงานของเพลงนี้ ยังมีจุดที่แตกต่างในแง่การทำเอ็มวีด้วย โดยนีโน่ มือกีตาร์ได้รับหน้าที่เป็นคนอธิบายว่าหลังจากที่พวกเขาได้ปล่อยให้นักแสดงถ่ายทอดเรื่องราว คราวนี้พวกเขาและเธอมาร่วมถ่ายทอดในฐานะนักแสดงบ้าง

"เหมือนเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงมีส่วนร่วมของการแสดงมากขึ้น อย่างเอ็มวีก่อนหน้าก็เป็นเหมือนนักดนตรีประกอบแบคกราวด์ แต่ในเอ็มวีนี้ทุกคนจะมีส่วนในเรื่องราว เอ็มวีก็จะพูดถึงการสืบเรื่องชาวบ้าน เป็นเรื่องของพระเอก พระรอง นางร้าย นางร้ายก็จะพยายามสืบนางเอกและไปพบเรื่องน่ากลัว ในเรื่องจะพลิกล็อคว่าเป็นแวมไพร์กลายเป็นเรื่องผี"

ซึ่งนอกจากเนื้อหาจะตลกแล้ว ยาหยียังเผยว่าฟีดแบคที่เธอได้รับเกี่ยวกับเพลงก็ตลกเช่นกัน โดยเธอเล่าว่า "มีคนสะดุ้งกับเนื้อหาเพลงเยอะค่ะ แบบ "ด่าเราอยู่หรือเปล่า" สมัยก่อนคนจะแบบฟังแล้วร้องไห้เลยเพิ่งฟังตอบอาบน้ำเสร็จ แต่อันนี้ “เพิ่งยุ่งเรื่องคนอื่น” มา แล้วฟังเพลงนี้ด่าเราพอดีเลย"

แม้ว่าจะยังมีอายุช่วง 20 ต้นๆ แต่วง I Hate Monday ได้ทำงานด้วยกันมาเป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้ว และได้ก้าวผ่านวัยมัธยม สู่วัยทำงานพร้อมกัน โดยพวกเขาเล่าว่าแม้แต่ละคนจะมีบทบาท แต่การรวมตัวทำผลงานและพบเจอก็ยังเป็นเรื่องสนุกและความสุขของพวกเขา 

"พอโตขึ้นเราก็เรียนรู้วิธีทำงาน แต่ก่อนมันจะแบบเด็กแข่งดนตรีร้องเพลงคนอื่น แต่โตขึ้นได้ทำเพลงกับค่ายและโปรดิวเซอร์ และเขาก็สอนเรามาตั้งแต่เด็กๆ จนเราเข้าใจวิธีการทำงานมากขึ้นโตขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ พวกเราแยกย้ายไปทำงานเหมือนกัน และต้องหาเงินด้วย แล้วก็ยังสนิทกันมากเราก็สามารถหาเวลามาเจอกัน มาคุยกันว่าจะทำอะไรดีเพื่อให้เกิดประโยชน์และก้าวหน้า ในขณะที่เอนจอยด้วยกันตลอด เป็นเพื่อนตั้งแต่ก่อน ม.4 และตอนนี้เรียนจบก็ห่างกัน พอมาอยู่รวมกันก็รู้สึกดี มองไปก็ยังเหมือนตอนเรียน เราเป็นเพื่อนกันตลอดเวลา ก็รู้สึกดีครับ" ซึ่งหยีได้เสริมอย่างติดตลกว่า "ชอบกินข้าวเย็นกับพวกเขาทั้ง 4 คนมากๆ เลย" 

ซึ่งการที่เป็นเพื่อนมานาน ก็ทำให้เราถามแต่ละคนว่าอยากย้อนไปทำอะไร โดยแต่ละคนได้ตอบสิ่งที่อยากทำ ซึ่งหยีเผยว่า "อยากเอาแต่ใจน้อยลงหน่อย เพราะตอนเด็กเราเป็นผู้หญิงมีคนตามใจเยอะ การตัดสินใจเราก็มีคนตามใจ แต่ทุกวันนี้หาร 5 ค่ะ" ขณะที่โน่ตอบสั้นๆ ว่า "ซ้อมเยอะขึ้นครับ (หัวเราะ)" ส่วนฟิล์มก็ที่มีคำตอบคล้ายหยีก็บอกว่า “บอกให้ตัวเองสู้ๆ นะ เพราะช่วงนั้นเป็นเด็กก็จะทำตัวงี่เง่า เหมือนเรียนไปด้วยแข่งไปด้วย” และปอนด์ก็มีคำตอบน่าสนใจว่า “อยากให้ถ่ายรูปตัวเองตอนนั้นไว้เยอะๆ ผมถ่ายไว้แต่น้อยมาก”   

ด้วยความที่เป็นศิลปินที่เติบโตมาไกลจากการแข่งและห่างหายไปนาน ทำให้เราอยากรู้ว่าวงอยากแนะนำตัวเองกับคนดูว่าอย่างไร โดยสมาชิกฝากไว้ว่า "I Hate Monday เป็นดนตรีแนวป็อปแจ๊สที่มีไลน์กีตาร์น่าจดจำ อยากให้ทุกคนมาลองฟังกัน และเสียงของหยีก็มีมนต์เสน่ห์ทีทุกคนต้องชื่นชอบแน่นอน ทุกคนก็จะเห็นการเติบโตเราเรื่อยๆ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าพวกเราความคิด การทำงานการทำเพลงก็โตขึ้นจริงๆ เห็นได้จากผลงาน ก็อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ" 

แม้ว่าจะห่างหายจากการปล่อยเพลงไปนาน แต่ในช่วงท้ายวง I Hate Monday ก็ยืนยันว่าหลังจากนี้พวกเขาและเธอจะคัมแบ็กแบบรัวๆ และยืนยันว่ากลางปีหน้าจะมีอัลบั้มแรกของวง ซึ่งอาจมาพร้อมซาวด์ที่หลายคนคิดถึงและจะมีศิลปินมืออาชีพคอยสนับสนุนเบื้องหน้าเบื้องหลังหลายๆ คน 

"ต้นปีหน้ามีซิงเกิลครับให้ทุกคนได้ฟัง กลางปีหน้ามีข่าวดีมีอัลบั้มช่วงกลางปี มีโปรโมตอัลบั้มก็จะร่วมงานกับศิลปินหลากหลายในเบื้องหน้า เบื้องหลัง อยากให้รอติดตามครับ ไม่แน่ในอัลบั้มที่ปล่อยปีหน้าอาจมีกลิ่นเพลงก่อนๆ ของเราบ้างที่ชวนนึกถึง อย่างเพลง “หยดนี้ให้เธอ” ก็อาจจะมีบ้าง"

Photo : Ditsapong K.