ดนตรีสุดเฟี้ยวในละครสุดเฟียร์ซ The Penthouse โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง

06 ก.พ. 64 (20:30 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

หนึ่งในละครเกาหลียอดฮิตส่งท้ายปี 2020 คือ The Penthouse: War in Life ทางช่อง SBS ที่ทำเรทติ้งทะลุ 20% ไปได้ในช่วงท้ายซีซั่น แถมเรื่องราวยังไม่จบง่ายๆ เพราะละครจะมีต่อซีซั่น 2 และ 3 โดยซีซั่นสองจะออนแอร์วันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้

The Penthouse ว่าด้วยเหล่าคนร่ำรวย 1% ที่อาศัยอยู่ในอาคารสุดหรูชื่อว่าเฮราพาเลซ แม้ฉากหน้าจะทำตัวเป็นคนชั้นสูง แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยการชิงดีชิงเด่น ความสัมพันธ์ชู้สาว และการทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เข้าโรงเรียนชั้นนำ อ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดในใจว่า เอ๊ะทำไมคล้ายกับเรื่อง SKY Castle จัง ซึ่งละครสองเรื่องนี้มีสไตล์ที่คล้ายกันมาก

หากคุณต้องการซีรีส์ประเทืองปัญญาเปี่ยมด้วยวิชาการ The Penthouse อาจไม่ใช่ตัวเลือกของคุณ เพราะละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยการกรีดร้องโวยวายตบตีด่าทอ เป็นละครแนว Makjang อันหมายถึงละครที่ ‘เวอร์วัง’ ทางเนื้อหา มักเกี่ยวข้องกับการสลับลูก, ฆาตกรรม, แก้แค้น หลายครั้งเต็มไปด้วยความบังเอิญจนอุทานว่า ‘อิหยังวะ’ อย่างเรื่อง The Penthouse ก็มีฉากไม่เมคเซนส์อยู่หลายฉาก หนักสุดคืออาคารหรูหราอย่างเฮราพาเลซที่ดูไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยเอาเสียเลย เหตุการณ์ร้ายๆ จึงมาเกิดขึ้นที่นี่เสมอ

อย่างไรก็ดี The Penthouse มีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะการแสดงอันเข้มข้นของนักแสดงหลายคน การถ่ายภาพ/การออกแบบฉากที่ทำออกมาดูดีราคาแพง และอีกสิ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบในละครเรื่องนี้ก็คือดนตรีประกอบ

เนื่องด้วย The Penthouse มีเนื้อหาเกี่ยวกับโอเปร่า/ดนตรีคลาสิก สกอร์ของเรื่องจึงเน้นเล่นใหญ่แบบ More is more (สอดคล้องกับการแสดงและโทนอารมณ์ของเรื่อง) ส่วนใหญ่เป็นการผสานกันระหว่างเครื่องสายและเสียงสังเคราะห์ที่ให้ซาวด์แบบอึกทึกคึกโทรม กระตุ้นเร้าความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติและมันใกล้จะระเบิด ส่วนเพลงอีกแบบจะเป็นเสียงเปียโน/เสียงสังเคราะห์ที่ตึงเครียดน้อยลง แต่แฝงไปด้วยความลึกลับ ตรงกับพล็อตที่เต็มไปด้วยความลับและการหักมุมไปมา

ถ้าสังเกตให้ดี หลายเพลงจะปรากฏซ้ำๆ ตลอดเรื่อง เพราะบางแทร็คนั้นเป็นเหมือนเพลงธีมประจำตัวละครบางตัว (หรือที่เรียกว่า Motif) และเพลงธีมนั้นจะบิดดัดไปตามอารมณ์หรือสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเผชิญ (การ Rendition) เช่นนั้นแล้วดนตรีประกอบใน The Penthouse ไม่ได้เพียงสร้างอารมณ์แต่ยังช่วยเล่าเรื่องด้วย (อนึ่ง น่าเสียดายว่าไม่ค่อยมีข้อมูลของคนแต่งเพลงนัก หาเจอแค่ว่าเขาชื่อคิมจุนซอก)

นอกจากสกอร์แล้ว ผู้สร้างยังเลือกใช้เพลงโอเปร่าได้ชาญฉลาด เพลงหนึ่งที่เราได้ยินบ่อยมากในละครคือบทร้องเดี่ยวของราชินีแห่งรัตติกาล (Queen of the Night aria) ชื่อ Der Hölle Rache ที่มาจากโอเปร่าเรื่อง The Magic Flute ของโมสาร์ท ซึ่งเนื้อหาในช่วงนี้เล่าถึงราชินีแห่งรัตติกาลที่พยามยัดเยียดกริชใส่มือลูกสาวเพื่อให้เธอสังหารผู้อื่น ซึ่งก็เข้ากับ The Penthouse ที่ว่าด้วยความขัดแย้งของแม่กับลูกสาวหลายคู่

ฉากเพลง Queen of the Night aria จาก The Penthouse

การแสดงโอเปร่า The Magic Flute ฉาก Queen of the Night aria

อีกฉากสุดพีคที่ทุกคนพูดถึงคือฉากที่ ชอนซอจิน เล่นเปียโนอย่างบ้าคลั่งหลังจากทำสิ่งที่เลวร้ายต่อพ่อของตน เรื่องน่าทึ่งคือคิมโซยอนนักแสดงผู้รับบทนี้เล่นเปียโนไม่เป็น แต่เธอเล่นฉากนี้จริงๆ ไม่ใช้แสตนด์อินและยังขอเลือกเพลงในฉากนี้ด้วยตัวเอง (ผู้เขียนเดาว่าเธอน่าจะต้องไปเรียนเปียโนแบบเร่งรัดและใช้วิธี ‘จำ’ การเล่น) โดยเพลงที่เธอเลือกคือ Transcendental Étude No. 4 ของ ฟรานซ์ ลิซต์ คีตกวีชาวฮังการี อันขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเพลงเดี่ยวเปียโนที่เล่นยากสุดๆ ด้วยการเคลื่อนนิ้วที่ซับซ้อนและแปลกประหลาด

ฉากในตำนานของคิมโซยอน

การเดี่ยวเปียโนเพลง Transcendental Étude No. 4

ในฉากนี้เราจะเห็นว่าคิมโซยอนต้องทำหลายอย่างมาก เธอต้องเล่นเปียโน ร้องไห้ กรอกตา แสยะยิ้ม ในสภาพผมเปียกกระเซอะกระเซิง แถมเอฟเฟกต์เลือดที่มือยังเหนียวจนทำให้เธอเล่นเปียโนได้ยากขึ้น เป็นฉากที่เพียงพอจะพิสูจน์ได้ว่าเธอคือ ‘สุดยอดนักแสดง’

____________________

kanchat