Bon Jovi นำทีมศิลปินร็อคจารึกชื่อในหอเกียรติยศ Rock and Roll 2018
ในที่สุดศิลปินร็อคระดับตำนาน Bon Jovi ก็ได้รับเกียรติให้จารึกชื่อเอาไว้ในหอเกียรติยศ Rock and Roll หรือ Rock and Roll Hall of Fame ในปี 2018 เป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยศิลปินที่แฟนๆ ขาร็อคยุค ‘70s-‘80s รู้จักกันดีอย่าง Dire Straits, The Moody Blues, The Cars และ Nina Simone รวมไปถึง Sister Rosetta Tharpe ศิลปินร็อคแอนด์โรล/กอสเปลยุค ‘40s ที่ได้รับรางวัล Early Influence หรือศิลปินที่เป็นแรงบันดาลแก่ศิลปินรุ่นหลังอีกด้วย โดยจะมีพิธีเข้ารับรางวัลเกียรติยศนี้ในวันที่ 14 เมษายน 2018 แฟนๆ สามารถชมถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ช่อง HBO และคลื่นวิทยุ SiriusXM ของอเมริกาด้วย
Dire Straits
The Moody Blues
The Cars
Nina Simone
Sister Rosetta Tharpe
สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกศิลปินร็อคที่จะมาอยู่รายชื่อของ Rock and Roll Hall of Fame จะต้องมีผลงานซิงเกิลแรก หรืออัลบั้มแรกมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดย Bon Jovi เป็นศิลปินหลังยุค ‘70s เพียงวงเดียวที่ได้รับรางวัลในปีนี้ (ผลงานแรกของ Bon Jovi “Runaway” ปล่อยในปี 1984) มือคีย์บอร์ดของ Boo Jovi อย่าง David Bryan กล่าวว่า “รางวัลนี้เหมือนเป็นของขวัญวันคริสต์มาสอันน่ามหัศจรรย์ของพวกเราในวงจริงๆ ราวกับพวกเราฝันไป ทำให้เราย้อนนึกไปถึงช่วงที่เราขึ้นรสบัสตะเวณทัวร์โดยไม่มีหลักประกันอะไรในชีวิตเลยว่าชีวิตของพวกเราจะเป็นอย่างไร แค่ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วปล่อยให้เป็นไป จนสุดท้ายมันก็ได้ผลจริงๆ ในวันนี้”
Radiohead เป็นอีกหนึ่งวงดนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลเกียรตินี้เป็นครั้งแรก (ซิงเกิล “Creep” ปล่อยในปี 1992 ซึ่งผ่านมา 25 ปีพอดี) แต่ก็ยังไม่ได้รับรางวัลดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีอีกหลายศิลปินที่มีชื่อเข้าเกณฑ์ในปีนี้ ได้แก่ Kate Bush, Depeche Mode, Rage Against the Machine และ LL Cool J ส่วนศิลปินที่ได้รับเกียรติจารึกชื่อใน Rock and Roll Hall of Fame เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ได้แก่ Electric Light Orchestra, Joan Baez, Journey, Pearl Jam, Tupac Shakur และ Yes
ในพิธีประกาศรางวัล Rock and Roll Hall of Fame ส่วนใหญ่วงดนตรีเก่าๆ ระดับตำนานที่ได้รางวัลนี้มักจะกลับมารวมวงกันอีกครั้งเพื่อทำการแสดงในงานนี้โดยเฉพาะ สำหรับ Bon Jovi และ The Moody Blues วางแผนว่าจะชวนสมาชิกรุ่นเก่ากลับมาเล่นเพลงสดๆ พร้อมกับสมาชิกรุ่นปัจจุบันให้แฟนๆ ได้ชมเช่นกัน
____________________
Source : Rollingstone, Esquire
Story : Jurairat N.