เทรนด์ชี้! หนัง 5 เรื่องไหนจะเปรี้ยง คนพูดถึงมากสุดก่อนที่โรงหนังจะเปิด

เทรนด์ชี้! หนัง 5 เรื่องไหนจะเปรี้ยง คนพูดถึงมากสุดก่อนที่โรงหนังจะเปิด

เทรนด์ชี้! หนัง 5 เรื่องไหนจะเปรี้ยง คนพูดถึงมากสุดก่อนที่โรงหนังจะเปิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฉลองการผ่อนปรนรอบใหม่ที่โรงหนังจะเริ่มกลับมาเปิดได้แล้วในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ และนี่คือรายชื่อหนังที่ยังยืนโปรแกรมอยู่ในปีนี้ไม่หนีไปไหนและอยู่ในความสนใจของผู้คนบนโลกอินเทอร์เน็ตตลอดช่วง 3 เดือนที่โรงหนังปิดตัวไป โดยเราใช้ข้อมูลการค้นหาหนังที่คนพูดถึงจาก Google Trends ในการวัดผลครั้งนี้ เพื่อดูตัวเลขจริง ๆ แบบไม่เอาความรู้สึกอคติลำเอียงใด ๆ มาตัดสิน เพราะความสนใจหนังแต่ละเรื่องแต่ละประเภทของคนไม่เหมือนกัน (รายชื่อหนังทั้งหมดอัปเดตวันฉายล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ค.)

อันดับ 5 Tenet (17 ก.ค.)

น่าแปลกใจที่กระแสการค้นหาหนังเรื่องนี้ติดเข้ามาเพียงอันดับ 5 เพราะในความรู้สึกเรานี่มันหนังเทพที่จะปฏิวัติวงการหนังเชียวนะ และอย่างไรยังต้องยกให้เป็นหนังน่าสนใจที่สุดเรื่องหนึ่ง ด้วยชื่อชั้นระดับผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน จาก The Dark Knight (2008) ที่กลับมาสู่งานออริจินัลที่ไม่อิงหนังสือหรือเหตุการณ์จริงใด ๆ อีกครั้งนับจากหนัง Inception ในปี 2010 และ Interstellar ในปี 2014 ตามลำดับ

สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างถึง 205 ล้านเหรียญ นับว่าสูงที่สุดของโนแลน ทั้งยังได้นักแสดงดังอย่างแบทแมนคนล่าสุด โรเบิร์ต แพตทิทสัน ประกบคู่กับ จอห์น เดวิด วอชิงตัน ลูกชายคนดังของ เดนเซล วอชิงตัน สมทบด้วยขาประจำของโนแลนอย่าง ไมเคิล เคน และดาราดังอีกเพียบ นอกจากนี้ยังถ่ายทำกันโหดถึง 7 ประเทศ และความไฮป์สูงสุดก็คงเป็นเรื่องของความลับและปริศนาเหนือจริงที่เล่นกับเรื่องเวลา ซึ่งมักเป็นลายเซ็นในงานออริจินัลของโนแลน ยิ่งถ้าได้ดูตัวอย่างฉากเปิด 6 นาที ของหนังทางโรง IMAX ที่ฉายปะหน้า Star Wars: The Rise of Skywalker มาแล้วก็บอกได้คำเดียวว่า ต้องดู! สมกับเจ้าของตำแหน่งหนังอันดับ 1 จากรายชื่อ 100 หนังที่คนรอดูมากที่สุดของปี 2020 จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ The Playlist เลยทีเดียว

แม้จะเป็นหนังที่คอหนังรอคอย แต่อาจด้วยความที่หนังซ่อนความลับ ปิดข้อมูลไว้มาก มีโพรโมตออกมาทีก็ถึงจะเปรี้ยงที (สังเกตจากช่วงที่ปล่อยเทรลเลอร์กระแสความสนใจวิ่งขึ้นพรวดเลย – แต่ก็ตกลงไว) ส่วนเวลาอื่นก็ดูเงียบ ๆ ไป ทั้งหนังโนแลนยังขึ้นชื่อเรื่องความเข้าใจยากด้วยแล้ว ยิ่งเป็นของขยาดกับกลุ่มคนดูทั่วไป ก็ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ในอันดับที่ 5 เท่านั้น

และจุดน่าสนใจสำหรับบ้านเราคือหนังถูกพูดถึงส่วนใหญ่แค่ในหัวเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพและปริมณฑล กับจังหวัดเชียงใหม่เสียมากกว่า ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดอื่น ๆ เรียกว่าพูดถึงน้อย จนแทบจะไม่มีใครพูดถึงกันเลย ทั้งที่หนังจ่อเข้าโรงมากที่สุดแล้วเรื่องหนึ่ง เรียกว่าคงกระแสนิยมสุด ๆ ได้เท่านี้แล้วสำหรับบ้านเรา

อันดับ 4 Top Gun: Maverick (23 ธ.ค.)

หนังเป็นการกลับมาอีกครั้งของ ทอม ครุยส์ ในบทบาทของเสืออากาศนาม มาเวอริก หลังจากภาคแรก Top Gun ของผู้กำกับ โทนี สก็อต ได้สร้างความจดจำไว้กับแฟน ๆ เมื่อ 34 ปีก่อน โดยครั้งนี้ผู้ที่มารับหน้าที่แทนผู้ักำกับ โทนี สก็อต ผู้ล่วงลับก็คือ โจเซฟ โคซินสกี จากหนัง Tron (2010) ทั้งยังเป็นการร่วมงานกับครุยส์อีกครั้งนับจากหนัง Oblivion (2013) ด้วย

ในภาคนี้ มาเวอริค ต้องมาเป็นครูฝึกให้กับเสืออากาศรุ่นใหม่ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ รูสเตอร์ รับบทโดย ไมล์ส เทลเลอร์ ที่เคยร่วมงานกับโคซินสกีจากหนัง Only the Brave (2017) และยังได้ดารารุ่นใหญ่มาแจมอีกเพียบอย่าง วาล คิลเมอร์ ที่กลับมาในบท ไอซ์แมน เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี ที่มารับบทแฟนสาวของมาเวอริก ความน่าสนใจนอกจากทีมนักแสดงก็คงเป็นการถ่ายทำฉากเครื่องบินรบที่สมจริงมาก ๆ และยังเป็นอีกครั้งที่ ครุยส์ แสดงด้วยตนเองเช่นเดียวกับหนังแอ็กชันเรื่องก่อนหน้าด้วย

ดูจากกราฟก็คงต้องบอกว่าหนังถูกค้นหาหรือพูดถึงอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่สูงมากแต่ก็ไม่มีช่วงหายไปยาว ๆ อย่าง Tenet และทำให้ค่าเฉลี่ยในระยะ 3 เดือนนี้ออกมาเท่าหรือใกล้เคียงกันมากทีเดียว นี่ถ้าเข้าช่วงโพรโมตจริงจังน่าจะเรียกความสนใจได้มากขึ้นด้วย

ยิ่งถ้าดูแค่เฉพาะในบ้านเราหนังก็ทำภาษีได้ดีกว่า Tenet อยู่พอตัวด้วย อย่างว่าล่ะหนัง ทอม ครุยส์ หล่อ ๆ กับฉากบินเท่ ๆ มัน ๆ ก็น่าดูมากกว่าอยู่แล้วสำหรับคอหนังทั่วไป

อันดับ 3 Black Widow (6 พ.ย.)

หนังมาร์เวลไม่ว่าจะเรื่องใดก็ยังเป็นที่นิยมอยู่เสมอเมื่อเทียบกับหนังแฟรนไชส์อื่น ๆ และสำหรับหนังที่ไม่น่ามีภาคต่อใด ๆ ได้อย่าง Black Widow เพราะตัวละครของ สการ์เล็ต โจแฮนส์สัน ได้สละชีวิตไปแล้วในหนัง Endgame เพื่อแลกกับอัญมณีวิญญาณ แต่การเลือกมาเล่าเรื่องชีวิตก่อนหน้านี้ของแบล็กวิโดว์ก็เปิดพื้นที่จินตนาการใหม่ ๆ เข้าไปให้เล่นได้อีกเยอะมาก ทั้งกลุ่มองค์กรที่ปั้นสายลับนักฆ่าขึ้นมา และผู้ที่ร่วมการฝึกเดียวกับ นาตาชา โรมานอฟ มาก่อน คนอื่น ๆ อีกล่ะ

หนังเป็นงานกำกับของ เคต ชอร์ตแลนด์ ผู้กำกับหญิงที่เคยมีผลงานล่ารางวัลอย่าง Somersault (2004) มาก่อน และการมาชิมลางหนังแอ็กชันสไตล์มาร์เวลครั้งแรกก็ถือว่าน่าสนใจมากหลังจากที่เราได้ดูตัวอย่างไป เพราะฉากแอ็กชัน พะบู๊ต่าง ๆ ยังอัดแน่น แถมมีมุมกล้องการต่อสู้ตัวต่อตัวที่น่าสนใจด้วย ความน่าสนใจพิเศษยังด้วยการมาแจมของดาราสาวมากฝีมืออย่าง ฟลอเรนซ์ พิวจ์ และ ราเชล ไวซ์ ในบทบาทสมาชิกเรดรูมที่ผ่านการฝึกเดียวกับนาตาชามา ทั้งยังได้ เดวิด ฮาร์เบอร์ มารับบทฮีโรชุดเกราะฝั่งโซเวียตในนาม เรดการ์เดียนอีก และไม่ว่า โทนนี่ สตาร์ก จะมาปรากฏตัวในหนังตามข่าวลือหรือไม่ แต่ที่แน่นอนที่สุดคือเราจะได้พบดาวร้ายผู้ชำนาญการชักใยคนและเลียนแบบเทคนิคการต่อสู้ของเหล่าอเวนเจอร์สมาใช้ได้ นั่นก็คือ ทาสก์มาสเตอร์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวร้ายหลักในภาคนี้ด้วย บอกเลย มัน!

จากค่าเฉลี่ยยอดการค้นหาต้องบอกว่าทำได้ดีกว่า 2 เรื่องแรกขึ้นมานิดหนึ่ง แต่เมื่อดูกราฟก็ต้องบอกว่าทำได้ใกล้เคียงกันแต่ความสม่ำเสมอมีมากกว่า เรียกว่าอยู่ในความสนใจของคนมาได้ตลอดไม่มีตกแม้ช่วงที่โรงหนังปิดยาวจะบอกเป็นบารมีมาร์เวลก็คงได้

และถ้าดูเฉพาะในบ้านเราก็ถือว่าทำได้สม่ำเสมอพอ ๆ กับหนัง Top Gun  เพียงแต่มีช่วงพีกที่ทำได้ดีกว่านั่นเอง

อันดับ 2 No Time To Die (12 พ.ย.)

หนังเจมส์ บอนด์ 007 ภาคล่าสุด และยังเป็นภาคสุดท้ายในซีรีส์การรับบทของ เดเนียล เครก ด้วย โดยในภาคนี้ยังสืบเนื่องมาจากภาคก่อนหนาอย่าง Spectre บอนด์ยังต้องเผชิญหน้ากับ โบลเฟลด์ ที่กุมความลับบางอย่างเกี่ยวกับ เมดเดลีน สาวที่ทำให้บอนด์ต้องหวั่นไหว นอกจากนี้ยังต้องรับมือกับวายร้ายหน้าบากผู้ทรงอำนาจคนใหม่ที่รับบทโดย เรมี มาเลก และยังต้องร่วมมือกับสายลับสาวรหัส 00 อย่าง โนมิ เรียกว่าซับซ้อนและยุ่งเหยิงไม่เบาสำหรับบอนด์ที่ขาเดี้ยงแล้วยังต้องรับมือปัญหาจากหลายทิศทางอีก

นี่เป็นงานกำกับของ แครี โจจิ ฟุกุนากะ ที่เคยทำหนังน้ำดีอย่าง Beasts of No Nation (2015) มาก่อน ดูจากตัวอย่างหนังก็มีฉากมัน ๆ อลัง ๆ ที่เรียกว่าฉากโชว์คับคั่ง ทั้งการขับรถผาดโผน เครื่องมือสุดไฮเทคจาก Q การยิงต่อสู้ ตลอดจนฉากรสนิยมดี ๆ อย่างฉากการล่าในทุ่งหิมะขาวโพลน และแผ่นน้ำแข็งในทะเลสาบ หรือฉากในโรงมหรสพที่บ่งบอกว่า หนังไม่ใช่แอ็กชันดาด ๆ แต่ยังคงความขลังแบบหนังเจมส์ บอนด์เช่นเดิม

หนังเลี้ยงระดับความน่าติดตามมาได้อย่างสม่ำเสมอทำให้ค่าเฉลี่ยสูงกว่าเพื่อน ๆ ก่อนหน้านิดหน่อย และได้ช่วงพีกราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ที่มีการโพรโมตเพิ่มขึ้นมา ซึ่งก็เชื่อว่าหนังมีฐานแฟนเหนี่ยวแน่นอยู่แล้ว น่าจะเป็นอีกเรื่องที่อยุ่ในใจคนรอดูหนังแน่นอน ยิ่งว่าเป็นเรื่องสุดท้ายของ เดเนียล เครก ด้วยแล้วน่าจับตาว่าหนังจะสร้างช่วงเปลี่ยนผ่านไปบอนด์คนถัดไปอย่างไร

สำหรับบ้านเราก็ต้องบอกว่าหนังทำกราฟมาแบบมีช่วงพีกหลายครั้ง และยังเลี้ยงความน่าดูมาได้ตลอดเลยทีเดียว น่าจะทำเงินสูงตามภาคก่อนหน้าเช่นกัน

อันดับ 1 Mulan (24 ก.ค.)

มาถึงอันดับ 1 แล้ว ก็เป็นไปตามคาด หนังฉบับคนแสดงจากแอนิเมชันดังของดิสนีย์เมื่อปี 1998 ที่ทำให้คนทั่วโลกประทับใจมาแล้ว ยิ่งฉบับนี้ได้ดาราจีนหน้าสวยที่ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาอย่าง หลิวอี้เฟย มารับบทนำ และสมทบด้วยดาราเอเชียชื่อดังอีกเพียบที่บ้านเราคุ้นหน้าอย่างดี ทั้ง กงลี่ เจินจื่อตัน และ หลี่เหลียนเจี๋ย ด้วย

หนังเป็นการกำกับของ นิกิ คาโร ผู้กำกับสาวที่มีผลงานละเมียดอารมณ์มาแล้วใน Whale Rider (2002) ซึ่งนอกจากความลึกในแง่มิติจัวละครที่คาดหวังได้ว่าจะไม่ใช่หนังเจ้าหญิงดิสนีย์แหวว ๆ เท่านั้น เรายังคาดหวังได้ถึงความไม่ธรรมดาจากฉากแอ็กชันที่ดูหวือหวากว่าที่คิดจากในตัวอย่างที่ปล่อยมาโชว์ด้วย เพราะมันชวนให้นึกถึงหนังกำลังภายในสนุก ๆ อยู่เหมือนกัน ยังไม่นับว่านี่เป็นหนังที่ดิสนีย์หมายมั่นปั้นมือหวังถล่มบ็อกออฟฟิศหลายประเทศโดยเฉพาะฝั่งเอเชียและจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยแล้ว กะตีหัวถึงในบ้านแล้วดิสนีย์น่าจะใส่เต็มไม่ให้เสียชื่อแน่นอน

หนังไม่ผิดคาดนักที่คว้าอันดับ 1 หากแต่ความเหนือคาดคือค่าเฉลี่ยถีบโดดจากเพื่อน ๆ แบบไม่เห็นฝุ่น คือถ้าดูจากกราฟช่วงพีกสุดของหนังอย่าง Tenet หรือ No Time To Die ยังแตะแค่ระดับเกือบต่ำสุดของ Mulan เท่านั้นเอง นี่ยิ่งตอกย้ำว่า Mulan มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงหนังในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ขนาดไหน ลองนึกภาพหนังที่อยู่ในความสนใจคนดูขนาดนี้หายไปหรือเลื่อนไปปีหน้า ๆ นี่แอบเสียดายไม่น้อยทีเดียว

สำหรับบ้านเราตัวเลขก็ใกล้เคียงกับเทรนด์โลก ยังทิ้งห่างหนังอื่น ๆ แต่ก็ไม่ทิ้งโดดเท่า ซึ่งก็ให้ผลเช่นเดิมว่าถ้าโรงหนังเปิดแล้วไม่มี Mulan ในปีนี้ คือแกร่วไปแล้วครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

 

แถมอันดับ 5 ร่วม ในไทย อีก 2 เรื่อง

Wonder Woman 1984 (14 ส.ค.)

หนังซูเปอร์ฮีโรจากค่ายดีซี ที่ทำผลงานได้เปรี้ยงตั้งแต่ภาคแรก จนทำให้จักรวาลดีซีตั้งไข่ได้เสียที สำหรับภาคต่อนี้นอกจากได้ทีมงานชุดเดิมกลับมาครบครันทั้งผู้กำกับสาวเก่ง แพตตี เจนกินส์ และนักแสดงสาว กัล กาดอต แล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์ตัวละครเก่าที่น่าจะตายไปแล้วอย่าง สตีฟ เทรเวอร์ (คริส ไพน์) กลับมาด้วย สิ่งที่น่าสนใจยังมีว่าทำไมฉากหลังของเรื่องต้องเป็นปี 1984 หรือจะเพื่อไปเกี่ยวข้องกับจุดกำเนิดของฮีโรบางคนในกลุ่มจัสติกลีกหรือไม่ อันนี้ต้องติดตาม

กระแสของแม่ในไทยยังมาเป็นระยะ เมื่อมองรวมกับ Tenet ก็ไม่รู้ว่าค่ายวอร์นเนอร์ยังไม่เร่งเครื่องโพรโมตพอหรืออย่างไร แต่กระนั้นหนังก็ยังติดอยู่ในอันดับ 5 ร่วมในไทยได้ น่าจะเป็นอีกเรื่องที่ทำเงินแน่นอน

พจมาน สว่างคาตา (ทันทีที่โรงหนังเปิด)

แม้จะยังไม่เห็นโปรแกรมของโรงหนัง แต่เพจของหนังก็บอกว่าเตรียมฉายทันทีเมื่อโรงหนังเปิด แถมด้วยตัวอย่างตัวล่าสุดที่ตัดใหม่ใส่มุกร่วมสถานการณ์โควิด-19 ได้แบบต้องกราบ ก็เรียกความสนใจในตัวหนังได้อย่างมาก ยังไม่นับว่าหนังเป็นการรวมดาวเบอร์ทองของหนังพี่พชร์ซึ่งมีฐานแฟนทั่วประเทศกองอยู่ระดับหนึ่งแล้ว ทั้งยังได้ทั้งแก๊งหอแต๋วแตกฟูลทีมมาประชันกับ ดาราสาวความนิยมสูงอย่าง แพนเค้ก เขมนิจ และดาราชายกระแสโซเชียลท่วมท้นอย่าง แน็ก ชาลี อีก เมื่อรวมกับเนื้อหาที่ล้อกับนิยายเรื่องโปรดของชาวไทยอย่าง พจมาน สว่างวงศ์ ด้วยแล้ว

ไม่แปลกใจเลยที่เบียดค่าเฉลี่ยคนค้นหาจนกระทบไหล่ หนังท่านเทพโนแลน กับหนังซูเปอร์ฮีโรพลังหญิงได้สบาย ๆ เลย เรื่องการตลาดนี่ดูถูกพี่พชร์ไม่ได้เลยนะคะเนี่ย ความหวังหนึ่งเดียวของหนังไทย และความหวังหนึ่งเดียวของโรงหนังในไทยระหว่างรอหนังนอกเข้าฉายเลยจ้า

 

อ้างอิง

การจัดอันดับนี้ผู้เขียนได้ใช้วิธีนำรายชื่อหนังที่ยังมีกำหนดฉายในปี 2020 ใส่เปรียบเทียบใน Google Trends ทีละ 5 เรื่อง แล้วตัดเรื่องที่ค่าเฉลี่ยน้องที่สุดออก จากนั้นนำหนังเรื่องใหม่ใส่เข้าเทียบใหม่ ทำจนครบทุกเรื่องจนได้ 5 อันดับสุดท้ายที่ค่าเฉลี่ยการค้นหาสูงที่สุดในหมวดหนัง ตลอดช่วงเวลา 90 วันที่ผ่านมา ซึ่งไม่มากและน้อยเกินไป ทั้งยังเป็นช่วงที่โรงหนังเริ่มปิดตัวและคนทราบการเลื่อนฉายของหลายเรื่องแล้ว โดยจัดแสดงตามกราฟด้านล่างนี้

ผลการเปรียบเทียบแบบ Worldwide
ผลการเปรียบเทียบเฉพาะประเทศไทย

สำหรับค่าเฉลี่ยของหนังอีก 2 เรื่องในไทยที่คะแนนเท่า Tenet ได้ใช้วิธีเดียวกันโดยนำ Tenet วางเป็นมาตรฐานแล้วนำรายชื่อหนังไทยและเทศที่มีกไหนดเข้าฉายในปี 2020 เข้ามาเปรียบเทียบทีละเรื่อง จนหมดทุกเรื่อง

ผลการเปรียบเทียบหนังที่ค่าเฉลี่ยพอ ๆ กับอันดับ 5 อีก 2 เรื่อง ในประเทศไทย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook