5 หนังรัก Social Distancing เพราะระยะห่างไม่อาจขวางรักเรา

การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ทำให้เกิดการออกมาตรการ Social Distancing (ระยะห่างทางสังคม) เพื่อชะลออัตราการแพร่ระบาดของไวรัส มีการเว้นระยะห่างการใช้ชีวิตในสังคม เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกาย จากการทักทายหรือทำกิจกรรมร่วมกับคนหมู่มากเป็นต้น แน่นอนว่าบรรดาคนหนุ่มสาวที่เคยร่าเริงและชื่นชอบการพบปะสังสรรค์ อาจจะต้องเกิดอาการห่อเหี่ยว ยังไม่รวมไปถึงบรรดาคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงาน อยู่บ้านเดียวกันฉันสามีภรรยา ก็ต้อง “ห่างกันสักพัก” ไปอย่างไม่อาจเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง

ถ้าเช่นนั้นแล้วเราลองไปสอดส่องในโลกภาพยนตร์ดูกันดีกว่าว่า มีหนังเรื่องรักโรแมนติกเรื่องไหนบ้างที่มี “ระยะห่าง” ระหว่างตัวละคร ทั้งแบบอาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงของเรา หรือเป็นความแฟนตาซีไปเลยก็ได้

 

แค่ 5 ฟุตที่ฉันไม่อาจสัมผัสเธอ Five Feet Apart

Five Feet Apart คือหนังรักน้ำเน่าว่าด้วย วิล และ สเตลล่า สองวัยรุ่นที่ดันตกหลุมรักซึ่งกันและกัน แต่อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือการที่พวกเขาไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวหรือสัมผัสกันได้ ใกล้กันในระดับกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันและกันก็ยังเป็นเรื่องยากเย็นเช่นเดียวกัน แต่โรคร้ายที่ทั้งสองคนกำลังรับมืออย่างโรค Cystic Fibrosis (CF) ก็ไม่ได้เป็นตัวฉุดรั้งให้ทั้งสองหมดแรงใจในการมีชีวิตต่อและอยู่เพื่อกันและกัน ทั้งสองปฏิเสธที่จะแยกจากกัน และทั้งสองคนจะทำอย่างไรในการทำลายกำแพงล่องหนดังกล่าวเพื่อตามหาความรักและความหวังที่อาจจะรอพวกเขาอยู่

ทำไมต้องทำ Social Distancing >>> เพราะถ้าหากไม่ทำ วิล และ สเตลล่า อาจจะต้องตาย เนื่องจากโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) จัดเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางระบบพันธุกรรมอันก่อให้เกิดการสร้างเสมหะแบบข้นในปอด เกิดเมือกในตับอ่อน รวมถึงอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย เสมหะที่อยู่ตามทางเดินอากาศในปอด อาจจะเกิดการติดเชื้อและเกิดการทำลายของปอด และเมือกที่อยู่ในตับอ่อนจะไปทำการขัดขวางการหลั่งเอมไซม์ที่ใช้ย่อยอาหารก่อนการดูดซึมสารอาหาร โรคนี้จึงเป็นสภาวะที่ร้ายแรงต่อร่างกาย ทั้งคู่จึงต้องมีระยะห่างระหว่างกัน

 

Everything, Everything หนุ่มข้างบ้านสะกิดหัวใจ

แมดดี้ เด็กสาววัย 18 ที่ฉลาด อยากรู้อยากเห็น และช่างจินตนาการ แต่เธอมีอาการป่วยจึงไม่สามารถอยู่นอกบ้านที่สัมผัสกับอากาศภายนอกได้ ส่วน ออลลี่ เด็กผู้ชายข้างบ้านผู้ย้ายมาใหม่ที่ไม่ยอมให้อะไรมาขัดขวางพวกเขาได้ แมดดี้หวังว่าจะได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก และมีคำมั่นสัญญากับคนรักคนแรกของเธอไว้ ทั้งคู่จ้องมองกันผ่านทางหน้าต่าง พูดคุยกันผ่านตัวอักษร แมดดี้กับออลลี่สร้างความผูกพันอันแน่นแฟ้น จนทำให้พวกเขายอมเสี่ยงทุกสิ่งร่วมกัน แม้ว่าจะต้องสูญเสียทุกอย่างก็ตาม

ทำไมต้องทำ Social Distancing >>> อันที่จริงแมดดี้สามารถสัมผัสคนรอบตัวได้ เพียงแค่เธอก้าวออกจากบ้านไม่ได้เพราะร่างกายของเธอไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสและแบคทีเรียเลย แต่เมื่อเธอตัดสินใจที่จะออกไปสัมผัส “ชีวิต” เธอจึงเลือกที่จะแลกการมีชีวิตต่อเพื่อ 1 วันที่เธอจะได้เห็นโลกกว้าง

 

กลับมาได้ไหม ใน If I Stay

มีอา ฮอลล์ (โคลอี เกรซ มอเรตซ์) เด็กสาวที่กำลังเผชิญหน้ากับทางแยกของชีวิตว่าเธอเองจะเดินตามความฝันทางดนตรีหรือเลือกจะเป็นคนรักที่ดีให้กับ อดัม (เจมี่ แบล็คลี่) แฟนหนุ่มนักดนตรีชื่อดัง แต่แล้ววันหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ส่งผลให้คนในครอบครัวเสียชีวิตทั้งหมด มีอาอยู่ในสภาพวิญญาณที่ออกเดินทางมองเห็นชีวิตของคนรอบตัว เธอจึงต้องเลือกว่าจะตื่นขึ้นมาเพื่อเผชิญความจริงอันแสนเจ็บปวดหรือจากโลกนี้ไปแบบไม่มีวันกลับมา

 

ทำไมต้องทำ Social Distancing >>> เพราะตัวมีอาเองไม่รู้และไม่เข้าใจว่า “ชีวิต” คืออะไร เธอจึงอยู่ในสภาวะสับสนตลอดทั้งช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่และตอนที่เป็นวิญญาณ เมื่อเกิดระยะห่างระหว่างตัวเธอและอดัมในแบบที่มีอาได้แต่เฝ้ามองและไม่อาจจะสื่อสารหรือโต้ตอบกับคนที่เธอรักได้ เธอจึงต้องเอาชนะหัวใจของตัวเองและเลือกในสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับชีวิต

 

Midnight Sun แสงแดดนั้นที่ฉันไม่มีวันสัมผัส

รีเมกมาจากหนังญี่ปุ่นในชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวของ เคที สาววัย 17 ที่ป่วยเป็นโรคเซลล์ผิวหนังไวต่อแสงแดดผิดปกติ (Xeroderma Pigmentosum) ทำให้กลางวันเธอต้องอยู่แต่ในบ้าน เธอได้แต่แอบมองหนุ่มหล่ออย่าง ชาร์ลี ที่มักจะเล่นสเก็ตผ่านหน้าบ้าน จนค่ำคืนวันหนึ่งสองหนุ่มสาวก็ได้รู้จักกันมากขึ้นจนพัฒนาเป็นความรัก โดยที่ฝ่ายชายไม่เคยรู้เลยว่า เคที มีอาการป่วยห้ามโดนแสงแดด

 

ทำไมต้องทำ Social Distancing >>> สำหรับเคทีแล้ว ระยะห่างทางสังคมจะทำเฉพาะช่วงเวลากลางวันเท่านั้น เพราะอาการของโรคทำให้เคทีต้องกักกันตัวเองอยู่แต่ภายในบ้านที่มีกระจกกรองแสง แต่เมื่อความสะเพร่าเลินเล่อของตัวเคทีเอง ส่งผลให้เธอเกือบเสียชีวิตเพราะลืมดูนาฬิกาที่พระอาทิตย์จะขึ้นระหว่างที่ใช้เวลาแห่งความสุขกับชาร์ลี

 

โชคชะตาทำให้เราต้อง “ห่างกัน” ใน Serendipity

ฤดูหนาวปี 1990 โจนาธาน เทรเกอร์ (จอห์น คูแซ็ค) ได้พบกับ ซาร่า โธมัส (เคท เบคคินเซล) โดยที่ทั้งสองต่างก็มีคนรักกันอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ได้สานมิตรภาพ ใช้เวลาด้วยกันเพื่อชมบรรยากาศในคืนหิมะตกในแมนฮัตตัน จนกระทั่งเมื่อทั้งสองต้องแยกจากกันพวกเขาจึงเลือกให้ “พรหมลิขิต” เป็นตัวกำหนดชะตาด้วยการ “กดลิฟต์” ไปยังชั้นเป้าหมาย ถ้าหากทั้งสองกดไปที่ชั้นเดียวกันนั่นหมายความว่าฟ้าได้กำหนดไว้ แต่เมื่อโชคชะตาได้เล่นตลกทำให้โจนาธานไม่ได้เจอกับซาร่า จนกระทั่งเมื่อถึงคืนก่อนแต่งงานสี่ปีให้หลัง โจนาธานตัดสินใจตามหาซาร่าอีกครั้ง แล้วเขาจะได้พบกับเธอหรือไม่

ทำไมต้องทำ Social Distancing >>> ทั้งสองตัดสินใจ “ห่างกันสักพัก” เพื่อเลือกให้โชคชะตาช่วยตัดสินความรัก ว่าตกลงแล้วทั้งสองจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหรือไม่ ด้วยความอดทน เฝ้ารอและมีความหวัง ทำให้ท้ายที่สุดแล้วฟ้าก็ได้ลิขิตให้ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งดังปรารถนา แม้ห่างกันไกลสุดฟ้าก็ตาม