ยอมพูดแล้ว! "เบน แอฟเฟล็ก" เผยเหตุผลแท้จริงที่บอกลาโปรเจกต์ The Batman
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/mv/0/ud/19/95437/95437-thumbnail.jpgยอมพูดแล้ว! "เบน แอฟเฟล็ก" เผยเหตุผลแท้จริงที่บอกลาโปรเจกต์ The Batman

    ยอมพูดแล้ว! "เบน แอฟเฟล็ก" เผยเหตุผลแท้จริงที่บอกลาโปรเจกต์ The Batman

    2020-02-19T13:11:31+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    อย่างที่เราทราบกันว่าวอร์นเนอร์ และดีซี ได้คาดหวังกับ เบน แอฟเฟล็ก ไว้มาก ในฐานะผู้ที่จะมาสานต่อตำนานบุรุษแห่งรัตติกาล ต่อจากไตรภาคของเสด็จพ่อโนแลน โดยมอบหมายหน้าที่ให้เขาทั้งกำกับ, เขียนบท และแสดงนำ

    นอกเหนือจากบทบาทของนักแสดงชื่อดังที่คนส่วนใหญ่รู้จัก เบน แอฟเฟล็ก ผู้นี้ ยังเคยเป็นเจ้าของออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้วจาก Good Will Hunting (1997) และรางวัลใหญ่สุดในชีวิตคือเจ้าของออสการ์สาขา “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” จาก Argo (2012) ที่เขากำกับและแสดงนำเอง แน่ล่ะ! การที่วอร์นเนอร์จะคาดหวังผลงานที่เลอเลิศจากเขาจึงไม่ใช่ความมั่นใจในตัวของเบน แอฟเฟล็ก จนเกินไป

    เบน แอฟเฟล็ก ประเดิมบทบาท Batman และ บรู๊ซ เวย์น ภายใต้การกำกับของ แซก ชไนเดอร์ ไปแล้ว 2 เรื่องใน “Batman v Superman: Dawn of Justice” และ “Justice League” แล้วทั้ง 2 เรื่องก็เหมือนช่วงเวลาที่มืดมนในประวัติศาสตร์ผลงานของดีซี-วอร์นเนอร์ เพราะหนังไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ชมและนักวิจารณ์ “Batman v Superman: Dawn of Justice” ได้คะแนนจากเว็บ Rottentomatoes ไป 28% ส่วน Justice League ได้ไป 40% แล้วทั้งสองเรื่องก็ทำรายได้ทั่วโลกไปไม่ถึง 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งผิดคาดสำหรับหนังที่จับตัวท็อปของค่ายดีซีมาประชันกันในเรื่องเดียวแบบนี้

    เบ็น แอฟเฟล็ก ในชุดBatman ตอนที่ร่วมงานกับ แซก ชไนเดอร์

    เบน แอฟเฟล็ก ในชุดBatman ตอนที่ร่วมงานกับ แซก ชไนเดอร์

    แล้วในขณะนั้น เบน แอฟเฟล็ก ก็เซ็นสัญญารับงานกำกับและเขียนบท The Batman มาแล้วด้วย กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกที่สาวก Batman ต่างรอคอยด้วยความคาดหวังจะรอชมภาพลักษณ์ใหม่ของ Batman จากฝีมือของผู้กำกับ-เขียบท ระดับออสการ์คนนี้ กลายเป็นแรงกดดันที่สุดในอาชีพการงานของเบน แอฟเฟล็ก ส่งผลให้เขากลายเป็นขี้เหล้าไปโดยไม่รู้ตัว เป็นผลมาจากแรงกดดันมหาศาลที่เขาต้องรับผิดชอบโปรเจกต์ใหญ่ไว้บนบ่าคนเดียวแบบนี้ เบนติดเหล้าหนักในช่วงปี 2015 – 2016 เป็นช่วงรอยต่อที่ “Batman v Superman” ออกฉาย และอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ “Justice League” ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าตัวเอง ในช่วงที่เขาเดินสายโปรโมตหนัง “The Way Back” ผลงานดราม่าเรื่องใหม่ของเขา ซึ่งนักข่าวก็ได้โอกาสย้อนถามข้อสงสัยไปถึงสาเหตุที่แท้จริง ที่เขาโบกมือลาโปรเจกต์ระดับต้น ๆ ของฮอลลีวูดไปแบบนี้

    เบนยังเผยว่าเพื่อน ๆ เห็นว่าสภาพจิตเขาท่าทางจะแย่แน่แล้ว จึงบอกให้เขายุติโปรเจกต์นี้เถอะ ก่อนที่สภาพร่างกายจะทรุดหนักไปกว่านี้

    “ผมเอาบทหนัง The Batman ให้เพื่อนบางคนดู พวกเขาบอกว่าสคริปต์ดูดีมาก แล้วเพื่อนก็บอกผมว่า กว่าแกจะผ่านพ้นโปรเจกต์นี้ไปได้ แกคงดื่มหนักจนตายไปแล้วล่ะ”

    แล้วนั่นก็คือจุดเปลี่ยนที่เบนตัดสินใจบอกกับวอร์นเนอร์ว่าเขาขอไม่ไปต่อกับโปรเจกต์ The Batman แล้ว ทำให้วอร์นเนอร์ต้องแถลงข่าวในวันที่ 31 มกราคม 2019 ว่า เบน แอฟเฟล็ก บอกลาโปรเจกต์ The Batman ไปแล้ว แมตต์ รีฟส์ ผู้กำกับ “War of the Planet of the Apes” จะเข้ามารับหน้าที่แทน

    ก็เป็นข่าวที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟน ๆ ของเบน แอฟเฟล็ก และบรรดาสาวก Batman ที่รอคอยจะได้ชมการตีความของวีรบุรุษแห่งรัตติกาลในวิสัยทัศน์ของเบน แอฟเฟล็ก ซึ่งเบนก็ได้ไปออกรายการ “Jimmy Kimmel Live!” ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่วอร์นเนอร์แถลงข่าว และเหตุผลในวันนั้นที่เบนได้เผยในรายการก็คือ

    “ผมพยายามแล้วที่จะรับหน้าที่กำกับ Batman เวอร์ชันใหม่นี้ ผมได้ร่วมงานกับมือเขียนบทเก่ง ๆ หลายคน แต่มันก็ยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ผมคิดว่าผมยังตีโจทย์ไม่แตก ผมก็เลยคิดว่าจะเป็นการดีถ้าผมส่งไม้ต่อให้กับคนใหม่ วอร์นเนอร์ยังมีคนที่ฝีมือดี ๆ อีกหลายคน ซึ่งผมก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นเช่นกัน”

    อดใจรอชมแบตแมนคนใหม่ใน The Batman ภายใต้การกำกับของ แมตต์ รีฟส์ และแสดงนำโดย โรเบิร์ต แพตทิสัน มีกำหนดฉาย 25 มิถุนายน 2021 เท่ากับ Batman เว้นช่วงห่างจากการปรากฏตัวบนจอใหญ่ครั้งล่าสุดใน Justice League (2017) ไปถึง 4 ปีเต็ม

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :indiewire