รีวิว Hellboy ความพยายามอันผิดที่ผิดทาง

รีวิว Hellboy ความพยายามอันผิดที่ผิดทาง

รีวิว Hellboy ความพยายามอันผิดที่ผิดทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

การเปรียบเทียบระหว่าง Hellboy เวอร์ชั่นล่าสุดกับเวอร์ชั่นของผู้กำกับกิลโยโม่ เดลโตโร่นั้น อาจจะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไหร่ เมื่อมองย้อนกลับไปในแง่จุดประสงค์ของการสร้าง เมื่อหนังในเวอร์ชั่นของผู้กำกับนีล มาร์แชล ต้องการจะทำให้เฮลล์บอยในเวอร์ชั่นของเขามีความดิบ เถื่อน เลือดสาด คล้ายกับงานคอมมิกส์ต้นฉบับ แน่นอนการเลือกเส้นทางนี้สุ่มเสี่ยงตั้งแต่จะทำให้ “กลุ่มผู้ชม” ถูกจำกัดในปริมาณน้อยลง แต่ด้วยเทรนด์การตลาดที่เชื่อกันว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่เรท R นั้นตลาดได้เปิดใจที่จะยอมรับมากขึ้น

 

เกิดอะไรขึ้นทำไมการตัดสินใจจึงผิดพลาด ความตั้งใจในการทำเฮลล์บอยเวอร์ชั่นนี้ ให้เป็นหนังตลกร้าย มีสไตล์ของหนังเกรดบีทุนต่ำ แต่ปัญหาของมันอยู่ที่ว่า เมื่องานโปรดักชั่นที่ทำออกมานั้นมันกลับทำให้หนังดู “ไม่แพง” ยกตัวอย่างงานแต่งหน้าเทคนิคพิเศษของตัวเอกอย่างเฮลล์บอยเองที่ทำออกมาคล้ายคลึงกับหน้ากากยางราคาถูก ยิ่งทำให้ความเท่และน่าเกรงขามของตัวละครนี้ลดน้อยถอยลงไป และส่งผลทำให้ตัวละครในเวอร์ชั่นนี้นอกจากจะไม่น่าจดจำแล้วยังดูไม่เป็นที่รักของคนดูเข้าไปอีก

 

 

สิ่งที่น่าปวดขมับมากกว่างานดีไซน์ภาพลักษณ์ของหนัง คือบทภาพยนตร์ที่ค่อนข้างเขียนมาเพื่อ “เอาใจแฟนคอมมิกส์” หนักจนเกินไป รายละเอียดยุบยับไม่ว่าจะเป็นบรรดาสัตว์ประหลาดในจักรวาลเฮลล์บอย ปูมหลังของตัวเอก ไปจนถึงข้อมูลมากมายที่หนังเรื่องนี้พยายามจะทำให้หนังกลายเป็นการเปิดจักรวาลของตัวเอง แต่นีล มาร์แชลผู้กำกับคงลืมนึกไปว่า การจะทำให้คนดูทั่วไปหลงรักหนังสักเรื่องนั้น ไม่ใช่แค่เฉพาะคนอ่านคอมมิกส์เท่านั้น แต่ตาสีตาสา คนดูหนังธรรมดาสามัญที่ไม่เคยรู้จักกระทั่งตัวละครที่ชื่อเฮลล์บอยมาก่อน ก็ควรได้รับอรรถรสและโอกาสในการทำความเข้าใจตัวหนังก่อน ที่จะข้ามขั้นไปถึงการใส่รายละเอียดอันมากมาย (แต่น่าเบื่อเหลือทนในการทำความเข้าใจ) และไม่ได้มีประโยชน์ในแง่การขับเคลื่อนเรื่องราวให้เคลื่อนต่อไปข้างหน้า

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยังทำให้เรารู้สึก “สนุก” ไปกับหนัง Hellboy ในเวอร์ชั่นนี้ก็คือการแสดงของ “มิลล่า โจโววิช” ที่มีลักษณะของการแสดงแบบโอเวอร์แอ็คติ้ง ซึ่งเธอรู้ตัวดีด้วยซ้ำว่าเธอกำลังเล่นใหญ่ให้กลายเป็นตัวร้ายโง่ๆกะโหลกกะลา ซึ่งมันก็สอดรับกับบทบาทของเธอซึ่งบทราชินีเลือด นิมเว นั้นคือตัวละครที่มีช่วงชีวิตอยู่ในสมัยยุคกลาง (ยุคอัศวินคิง อาเธอร์) ดังนั้นระบบความคิดที่ต้องการจะเป็นใหญ่ ความต้องการจะเปลี่ยนโลกมนุษย์ให้กลายเป็นนรกนั้น คือแนวคิดเชิงการรุกรานและการนำอารยธรรมของตัวเองเข้าไปปกครอง ดังนั้นการที่ราชินีนิมเวฟื้นคืนชีพขึ้นมาในยุคปัจจุบัน เธอจึงกลายเป็นตัวละครหลงยุคที่น่าสนใจ

 

อย่างไรก็ตามมองในแง่ภาพรวม ยังไงก็ตาม Hellboy ในเวอร์ชั่นนี้ก็คือความน่าผิดหวังประการใหญ่สำหรับความพยายามในการหยิบหนังฮีโร่นอกจากค่าย DC และ Marvel เอามาขึ้นจอใหญ่อีกครั้ง เพราะบางทีเราก็แอบตั้งความหวังไว้ว่าบางทีเราก็อยากดูหนังฮีโร่ (หรือแอนตี้ฮีโร่) ที่มีอะไรฉีกกรอบเดิมๆบ้าง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook