5 หนังสถานที่ปิดตายพล็อตเจ๋ง (ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู)

5 หนังสถานที่ปิดตายพล็อตเจ๋ง (ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู)

5 หนังสถานที่ปิดตายพล็อตเจ๋ง (ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากความน่าสนใจของพล็อตเรื่องในหนัง Escape Room (2018) ได้ทำให้เราได้หวนกลับไปทบทวนถึงหนังในสไตล์เดียวกันนี้ ว่าบรรดาหนังที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลให้กับ “สถานที่ปิดตาย” ยุคหลังนี้ มีเรื่องอะไรบ้าง

 

Cube (1997)

ภาพยนตร์สัญชาติแคนาดา ผลงานการกำกับของ วินเซนโซ นาตาลี บอกเล่าเรื่องราวของคนแปลกหน้า 6 คนที่ตื่นขึ้นมาในห้องลูกบาศก์ โดยในแต่ละด้านจะมีประตูที่เชื่อมไปสู่ห้องอีกห้องหนึ่ง ไปเรื่อยๆราวกับไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาจดจำอะไรไม่ได้เลย ว่าทำไมพวกเขาถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ รู้แค่เพียงว่าพวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกไปจากสถานที่นี้ให้ได้ ทว่าระหว่างทางพวกเขาไม่รู้เลยว่า บางห้องนั้นมีกับดักสุดอันตรายที่พร้อมจะคร่าชีวิตของพวกเขาอยู่ตลอดเวลารออยู่

แม้จะเป็นหนังสยองขวัญ ไซไฟทุนต่ำ แต่เมื่อพิจารณาถึงความคิดสร้างสรรค์แล้ว หนังเรื่องนี้สมควรได้คะแนนเต็ม 10 เพราะถ้าพิจารณาในแง่โลเคชั่นและการออกแบบฉาก หนังใช้แค่ห้องๆ เดียว (หรือมากกว่านั้นแค่ 2-3 ห้อง) อาศัยการเปลี่ยนไฟย้อมสีห้องแทน ที่เหลือคือเรื่องของ “บทภาพยนตร์” ล้วนๆ ที่ทำให้ผู้ชมลุ้นไปกับวิธีการหาทางออกของตัวละคร แม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึง 22 ปี แต่หนังเรื่อง Cube ก็ยังได้รับกล่าวถึงอยู่เสมอในฐานะ “หนังห้องปิดตาย” ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งตลอดกาล

 

Triangle (2009)

เจส (เมลิสา จอร์จ) สาวสวยผมบลอนด์ ที่ออกล่องเรือไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ในทะเล พวกเขาประสบกับพายุลูกใหญ่และทำให้เรือเล็กอับปางลง โชคยังดีที่มีเรือสำราญลำหนึ่งผ่านมาพอดี แต่ที่น่าแปลกคือบนเรือลำนี้กลับไม่มี “ใครสักคน” อยู่เลย จนกระทั่งไม่นานนักพวกเขากลับพบว่ามีไอ้โม่งถือขวานไล่ฆ่าพวกเขาอย่างไม่ลดละ

อ่านพล็อตเรื่องย่อแล้ว คุณผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นหนังสถานที่ปิดตายได้อย่างไร นี่มันหนังไล่เชือดชัดๆ แต่ถ้าหากให้เราเผยว่าจริงๆ แล้วนี่คือหนังลูกผสมระหว่างหนังไล่เชือด หนังหักมุม หนังไซไฟ และหนังเชิงสัญลักษณ์ ที่ตัวละครเอกของเรื่องต้องติดอยู่ใน “วังวน” บางอย่างไปตลอดกาล Triangle จึงกลายเป็นหนังสถานที่ปิดตายที่สมบูรณ์แบบและยังกลายเป็นหนังทุนต่ำที่ผู้คนทั่วโลกหยิบมาดูซ้ำ ตีความกันอย่างแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้

 

Exam (2009)

เมื่อบริษัทหนึ่งประกาศรับสมัครพนักงานจำนวน 1 ตำแหน่ง มีผู้สมัครทั้งสิ้น 8 คนที่ได้รับการพิจารณาเพื่อสอบข้อเขียน โดยข้อแม้มีอยู่ว่า พวกเขาต้องค้นหาคำตอบที่มีเพียง 1 เดียวให้เจอ บนกระดาษของแต่ละคนมีแค่เพียงการระบุว่า แต่ละคนเป็นผู้เข้าสอบหมายเลขเท่าไหร่เท่านั้น และพวกเขามีเวลาแค่เพียง 80 นาทีในการตอบคำถามให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกฎที่ว่า ห้ามคุยกับยามรักษาความปลอดภัยและผู้คุมสอบที่เฝ้ามองพวกเขาหลังกระจกนิรภัย กระดาษของพวกเขาห้ามถูกทำลาย ฉีกขาด หรือเกิดความเสียหาย ห้ามออกจากห้องสอบก่อนหมดเวลา หากใครละเมิดกฎข้อใดก็ตาม พวกเขาจะถือว่าสอบตกทันที!

เรียกได้ว่าตลอดเวลาทั้งเรื่อง ผู้ชมจะได้รับการป้อนข้อมูลชวนให้คิดตามไปกับตัวละครในเรื่องอย่างสนุกสนาน (ที่สำคัญไม่ควรอ่านสปอยล์ก่อนดูหนังด้วยซ้ำ เพราะจะทำให้อรรถรสหายไปเลย) การได้รับข้อมูลเพียงน้อยนิด จะทำให้คุณดู Exam อย่างสนุกขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มหนังโหดเลือดสาด แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบ “คิด” ร่วมไปกับหนัง นี่คือหนังห้องปิดตายที่ดูสนุกมากเรื่องหนึ่ง

 

The Belko Experiment (2016)

Belko คือบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ตั้งอยู่ยังพื้นที่แห่งหนึ่งในโลก (แต่ไม่ใช่อเมริกาเหนือ) พนักงานส่วนหนึ่งเป็นคนท้องถิ่นและอีกส่วนเป็นชาวพื้นเมือง สำหรับชาวอเมริกันจะได้ค่าตอบแทนที่ดีมากแพคคู่มาพร้อมกับสวัสดิการพิเศษ แต่เพื่อแลกกับความพิเศษดังกล่าวพวกเขาต้องแลกกับการถูกฝังเครื่อง GPS เอาไว้ในหัวเพื่อความปลอดภัยในแง่การเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย กระทั่งวันหนึ่งพนักงานเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เมื่อพนักงานท้องถิ่นถูกสั่งให้กลับบ้าน ส่วนพนักงานชาวอเมริกันให้เข้าทำงานแบบปกติ จู่ๆ กำแพงเหล็กหนาก็โผล่ขึ้นมาปิดประตูและหน้าต่างอย่างไร้เหตุผล ไม่นานนักมีเสียงตามสายมาทางอินเตอร์คอมว่า พนักงานที่อยู่ในตึกนี้จะต้องฆ่ากันเองให้ได้อย่างน้อย 2 ศพภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ตอนแรกพนักงานคิดว่าเป็นการล้อเล่น จนกระทั่งครบกำหนดเวลา กลับมีพนักงาน 2 คนหัวระเบิดตายไป ทำให้พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องจริง และคำประกาศต่อไปที่มาถึง ก็โหดกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อพกเขาถูกสั่งให้ฆ่ากันเอง!

แน่นอนว่านี่เป็นหนังเลือดสาดอีกเรื่อง หลายคนว่ากันว่านี่คือหนังที่ได้รับอิทธิพลมาจากหนังญี่ปุ่นเรื่อง Battle Royale ในเวอร์ชั่นพนักงานบริษัท ที่ทำให้คนดูมองเห็นสัญชาติญาณดิบในการเอาตัวรอดของมนุษย์ตามทฤษฏีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ว่าด้วยการคัดเลือกตามธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแรงกว่าจึงจะมีชีวิตรอด!

 

Escape Room (2017)

ก่อนที่หนังอย่าง Escape Room ในปี 2018 (และ 2019 ตามวันเข้าฉายในประเทศไทย) จะออกมาในปี 2017 หนัง Escape Room เล่าเรื่องราวของเพื่อนสนิท 6 คนที่ตัดสินใจเข้าร่วมฉลองวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ด้วยการเดินทางไปยังสถานที่ลึกลับในชื่อ Escape Room โดยแต่ละคนถูกเข้าไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยห้อง 3 ห้องอันประกอบไปด้วยห้องโทรทัศน์ ห้องรับแขกสไตล์ขั้วโลกเหนือ และห้องชำแหละศพ ในแต่ละห้องถูกเชื่อมต่อกัน เพื่อนแต่ละคนต้องช่วยกันไขปริศนาเพื่อหาทางออก แต่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขากลับพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว เมื่อมันมี “กับดัก” ของจริงซ่อนอยู่ และถ้าพวกเขาไขปริศนาผิด อาจจะหมายถึงความตาย!

Escape Room ในเวอร์ชั่นนี้มีความสมจริงและไม่เวอร์เท่ากับเวอร์ชั่นล่าสุด ดูเป็นประสบการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริงมากกว่า แต่น่าเสียดายที่ตัวละครในเรื่องมีบุคลิกที่น่าแช่งให้ตายตกไปตามๆ กันมากกว่าอยากจะให้เอาใจช่วย อย่างไรก็ตามหนังก็ดูได้เพลินๆ ตามประสาหนังห้องปิดตาย


คุณผู้อ่านชอบเรื่องไหน ประทับใจเรื่องไหน หรืออยากจะแนะนำ “หนังสถานที่ปิดตาย” เรื่องอื่นๆ ก็สามารถแนะนำเราได้ในช่องร่วมแสดงความคิดเห็นด้านล่างนะครับ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ 5 หนังสถานที่ปิดตายพล็อตเจ๋ง (ที่คุณอาจจะยังไม่เคยดู)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook