รีวิว Final Score บู๊เดือด-ไล่ล่าระทึก-แอ็คชันจัดเต็ม

รีวิว Final Score บู๊เดือด-ไล่ล่าระทึก-แอ็คชันจัดเต็ม

รีวิว Final Score บู๊เดือด-ไล่ล่าระทึก-แอ็คชันจัดเต็ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นหนังแอ็คชันที่วางไว้สำหรับ เดฟ บาติสต้า ได้ปล่อยของบู๊แอ็คชันเต็มที่จริง ๆ โดยมีรุ่นใหญ่อย่าง เพียร์ซ บรอสแนน อดีต 007 มาประกบ เรื่องนี้ได้ สก็อต มานน์ ที่เคยร่วมงานกับบาติสต้ามาแล้วใน Heist (2015) มานั่งแท่นกำกับ Final Score ด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาจากหน้าหนังแล้วเดาได้ไม่ยากว่านี่่คือหนังแอ็คชันบู๊ล้างผลาญแน่นอน เพียงแต่น่าสนใจว่าจะมีรสชาติงานบู๊ใหม่ ๆ มานำเสนอหรือเปล่า

สำหรับตัวพลอตเรื่อง เริ่มจากย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน ดิมิทรี (เพียร์ซ บรอสแนน) อดีตนักการเมืองหัวซ้ายจัดและกลุ่มกบฏในประเทศสมมติแห่งหนึ่งในแดนหลังม่านเหล็กที่ถูกไล่ล่าจากกองทัพในประเทศจนต้องลี้ภัยและหายตัวไปอย่างลึกลับ จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหตุการณ์เริ่มต้นอีกครั้งกลางกรุงลอนดอน เมื่อมีแมตช์ฟุตบอลคู่ระหว่างสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ ดินาโม ทีมจากรัสเซีย ได้มีกลุ่มกบฏที่วางแผนจะระเบิดสนาม โบลีน กราวน์ แห่งนี้ โดยเป็นความบังเอิญอย่างมากที่ น็อกซ์ (เดฟ บาติสต้า) อดีตทหารในกองทัพสหรัฐฯ ได้เดินทางมาหาครอบครัวของเพื่อนรัก และมีแผนจะพาหลานสาวไปดูเกมของทีมขุนค้อนในคืนนั้นพอดี

หนังทำได้ดีในการเดินเรื่องที่เร็วกระชับ ตั้งแต่จุดที่ น็อกซ์ ได้เข้ามาในสนามและสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างและเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีตกับกลุ่มก่อการร้าย และด้วยความที่ น็อกซ์ เป็นตัวละครที่ถูกปูมาว่าเป็นอดีตทหารฝีมือเยี่ยมที่ผ่านสมรภูมิสงครามมานับไม่ถ้วนจนแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว นั่นทำให้คนดูอินไปกับบทบาทของ น็อกซื ได้ง่ายดายและรวดเร็ว ยิ่งเมื่อเห็นสมาชิกกลุ่มกบฏแล้วก็อยากจะเห็น บาติสต้า โชว์สกิลอดีตนักมวยปล้ำเร็ว ๆ

Final Score โดดเด่นมาก ๆ กับความเป็นหนังแอ็คชันที่บู๊ล้างผลาญขั้นสุด ทำเอานึกว่ากำลังดู Die Hard หรือ MI6 ที่มีสนามบอลเป็นแบ็คกราวน์ ไม่ว่าจะคิวบู๊ มุมกล้องการถ่ายทำ ทำเอานึกถึงหนังแอ็คชันยุค 80-90 ตรงนี้ยอมรับว่าทำได้ถึงใจมาก ใครอยากดูหนังแอ็คชัน หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ทุกความมันส์ของการไล่ล่าฆ่าแกง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่หนังที่รัดกุมในเรื่องบทเท่าไหร่นัก การออกแบบโปรดักชันยังมีความเชย เนื้อเรื่องไม่มีอะไรใหม่หรือฉีกจากหนังแอ็คชันหลายสิบปีก่อน มีจุดบอดใหญ่ ๆ อย่างสกิลของตำรวจในลอนดอนที่ค่อนข้างง่อย บทเทไปทางบาติสต้าและภารกิจของเขาแทบจะ 90% ส่วนอื่นเป็นเพียงพร๊อบประกอบหนัง โดยเฉพาะแผนการระเบิด และแผนการกู้ระเบิดที่มีสเต็ปน้อยมาก รู้สึกเบาบาง ง่ายดาย รวมถึงตัวละครฝั่งพระเอกที่โชคดีหลบพ้นห่ากระสุนได้เหลือเชื่อยิ่งกว่าห้อยหลวงพ่อวัดไหน ๆ ยิ่งกว่านั้นบทบาทของอดีต 007 อย่างลุงเพียร์ซนั้นถือว่าเกลี่ยออกมาได้น่าผิดหวังเกินคาด อย่างไรก็ตาม ด้วยพาร์ทแอ็คชันที่ทรงพลัง แถมดราม่าหักมุมในช่วงท้าย ก็ทำให้คนดูพอหยวน ๆ มองผ่านและลุ้นไปกับหนังได้ตลอดรอดฝั่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook