รีวิว 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ก้าวเปลี่ยนโลก

รีวิว 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ก้าวเปลี่ยนโลก

รีวิว 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ก้าวเปลี่ยนโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของตูน บอดี้สแลม เพื่อรวบรวมเงินบริจาคในการวิ่งจากใต้สุดของประเทศไปยังเหนือสุดของประเทศเพื่อรวบรวมเงินในการซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาล สู่ภาพยนตร์สารคดี ที่นำเสนอเหตุการณ์ภาพรวมของการวิ่งดังกล่าว โดยมีทีมงานตามไปถ่ายทำเรื่องราวการวิ่งตลอด 55 วัน จากใต้จรดเหนือ ในแบบที่เราไม่ได้เห็นในไลฟ์สดของโครงการมาก่อน เป็นการทำงานที่มีทีมกล้องตามไปถ่ายเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนนำมาตัดต่ออีกครั้ง โดยใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 3 เดือน  

 

นอกจากหนังสารคดีเรื่องนี้จะเป็นการบันทึกภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของคนไทยที่น่าจดจำ เพราะมีความผูกพันกับคนไทยทั้งประเทศ โดยหนังเปิดเรื่องมาที่ ตูน บอดี้สแลมถูกตั้งคำถามจากตากล้องอย่างเอ็ม ว่าเขาจะพูดอะไรกับตัวเองในอนาคตว่าถ้าวิ่งมาถึงจุดเหนือสุดของประเทศอย่างที่เขาตั้งใจไว้ หลังจากนั้นหนังก็เริ่มเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดทีละขั้นทีละตอนเรียงตามลำดับเวลา

เราจะได้เห็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่ ตูนจะเริ่มออกวิ่งจริงๆ ว่าการเตรียมตัวของเขานั้นมีเวลาสั้นๆและน้อยกว่าบรรดานักวิ่งอาชีพ ซึ่งอันที่จริงแล้วเหตุการณ์ในหนังนั้นคนดูรู้ดีอยู่แล้วว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน แต่สิ่งที่คนดูไม่เคยรู้และเห็นมาก่อน คือช่วงเวลาระหว่างทางที่ตูน ต้องพบเจอกับความยุ่งยากในการจัดการต่างๆ ความรู้สึกทั้งยินดีและยินร้ายต่อตนเองและผู้คนรอบข้าง ภาวะหงุดหงิดไปกับเหตุการณ์ที่เขาไม่พอใจในแต่ละวัน เหล่านี้ทำให้ผู้ชมเห็นว่า ถึงภาพลักษณ์ภายนอกที่สาธารณชนรับรู้ว่า พี่ตูนจะยิ้มแย้มและพร้อมเซลฟี่ถ่ายภาพกับบรรดาผู้คน ที่ออกมารอต้อนรับเขาระหว่างทาง แต่เมื่อหมดวัน เขาก็แทบจะทิ้งร่างและหมดสภาพไปกับเตียงนอนในทันที

ยิ่งไปกว่านั้นเรายังได้มีโอกาสเห็นตูนในสภาพที่เขาร้องโอดโอย แสดงอาการเจ็บปวดหลังจากการวิ่ง ซึ่งอาการบาดเจ็บนั้นทำให้คนดูสัมผัสได้ทันทีว่า ตูน นั้นก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังใช้สังขารและร่างกายของเขา เพื่อบรรลุจุดประสงค์ที่เขาตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วงไปในที่สุด แม้เขาจะยึดคติและแนวคิดที่ว่า “ทำมันให้ถึงที่สุด โดยไม่สนใจว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้น” แนวคิดอันแสนดื้อรั้นดังกล่าว ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเขาออกมาได้เป็นอย่างดี

แม้ว่านี่จะเป็นหนังสารคดีที่ตามติดช่วงเวลา 55 วันของการวิ่ง แต่หนังเลือกจะตัดสลับเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของคนรอบตัวของตูน รวมไปถึงห้วงเวลาหนึ่งที่ตูนมองย้อนไปว่า ถ้าหากวันหนึ่งเขาเป็นแค่คนธรรมดาปกติทั่วไป วันนั้นเขาจะกำลังทำอะไรอยู่ หนังเรื่องนี้จึงไม่ได้พยายามยกย่องเชิดชูความพยายามที่ตูน ทำเพื่อสังคมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่หนังพยายามทำให้เราเห็นว่า เหนือเจตนาอันแรงกล้าของเขา ท้ายที่สุด ตูน บอดี้แสลมก็ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ที่มีเลือดเนื้อความรู้สึก อารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆเช่นกัน

2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จึงไม่ใช่แค่หนังที่ตามติดเหตุการณ์ก้าวคนละก้าวเท่านั้น แต่มันยังทำให้คนดูได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสและทำความรู้จักกับผู้ชายที่ชื่อว่า ตูน บอดี้สแลม ให้มากขึ้นกว่าที่เคยอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook